26 กรกฎาคม 2558

หุ้นขึ้นทำไง

มันเป็นเหมือนคำถามที่ดูประหลาดยังไงชอบกล ยังต้องถามอีกเหรอว่าหุ้นขึ้นต้องทำยังไงบ้าง ? ก็ดีน่ะสิ ! จะว่าอย่างนั้นก็ถูกครับ ใครๆ ก็ชอบให้หุ้นที่ตัวเองถืออยู่มันขึ้น แต่เอาอย่างนี้ดีกว่า สมมติว่าคุณผู้อ่านซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคา 2.78 บาท 

แล้วพอวันต่อมา ประกฎว่าราคาหุ้นมันขึ้นไปที่ 2.96 บาท !


เป็นเราจะรู้สึกยังไงบ้างถ้าหุ้นที่เราถือมัน +6.47% ภายในวันเดียว เราคงยิ้มกรุ้มกริ่มแน่ๆ และไม่ปฏิเสธเลยว่าผมเองก็คงคิดว่าเราเป็นเทพแน่ๆ ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเราถืออยู่สัก 100,000 หุ้น ได้กำไรมาหุ้นละ 0.18 บาท เท่ากับว่าเราทำเงินได้ 18,000 บาทในวันเดียว เงินเดือนของคนจบใหม่เลยนะนั่น !

แล้วมันสำคัญกับชื่อบทความของผมยังไง ? เอาล่ะ เรามาดูเหตุการณ์ที่หลังจากนั้นกันดีกว่า 

19 กรกฎาคม 2558

ใช้ไทม์เฟรมไหนเล่นหุ้นดีที่สุด

Time Frame ความหมายภาษาไทยแบบตรงตัวก็คือ "กรอบเวลา" ซึ่งในที่นี้หมายถึงกรอบเวลาที่เราใช้ในการเทรดครับ เพราะแท่งเทียน 1 แท่งราคา นอกจากจะแทนภาพ 1 วันแล้ว ยังมีแท่งละหนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนให้เลือกใช้กันด้วย (เรียกเล่นๆ ว่าภาพ Week และภาพ Month) หรือจะยิบย่อยไปถึงแท่งละ 1 นาทีก็มี


แล้วใช้ไทม์เฟรมไหนล่ะถึงจะทำเงินได้มากที่สุด ?

ผมตอบก่อนเลยว่ามันไม่มีใครตอบได้หรอกครับว่าเฃ่นกราฟแบบไหนรวยสุด ส่วนเหตุผลก็คือ การใช้กราฟในแต่ละไทม์เฟรม มันต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดในตัวมันเองทั้งนั้น 

18 กรกฎาคม 2558

หุ้นลงทำไง

ถ้าผมเขียนสั้นๆ ว่า "ทำใจ" มันคงจะเป็นการรวบรัดประเด็นไปหน่อย เหมือนกับเหตุผลที่เราดูหนังรักนั่นแหละ เรารู้ว่าสุดท้ายพระเอกกับนางเอกจะต้องรักกันก็จริง แต่เราดูเพื่อเสพเรื่องราวระหว่างนั้นมากกว่า จริงมะ

เข้าเรื่องกันดีกว่า เราจะทำยังไงถ้าหุ้นลง.. ผมว่าคำถามนี้อาจกว้างไปนิด เพราะผมไม่รู้ว่า "ลงลึกแค่ไหน"  พูดในแง่รูปธรรมกันก่อนนะ ถ้าหุ้นลงแต่ยังไม่ถึงจุด Cut Loss มันก็ไม่มีเหตุผลให้ออกหรอกครับ เพราะโดยมากแล้วมันจะเป็นการพักตัวซะมากกว่า 

แต่นั่นเป็นแค่ส่วนใหญ่เท่านั้น เพราะมีส่วนน้อยบ้างที่เราจำเป็นต้องขายแม้จะยังไม่หลุดจุดคัทลอส เช่น แท่งกราฟทำรูปแบบกลับตัว (Shooting Star Doji, Bearish Engulfing ฯลฯ) นั่นก็อาจเป็นสัญญาณขายที่ดีเพื่อล็อกกำไรเอาไว้ หรืออย่างผมเองก็ขายตั้งแต่ยังไม่ลงเลยก็มีเหมือนกัน เช่น การเกิด Gab แบบทั้งแท่งเป็นต้น (อ่านบทความเรื่อง Gab เพิ่มเติมได้ที่นี่)




แล้วจุดคัทลอสที่ว่ามาจากไหน ? ผมแนะนำเรื่องสำคัญมากๆ อย่างนึงเลยก็คือ ก่อนซื้อหุ้นควรจะกำหนด "จุดขาย" ไว้เลยครับ ว่ากรณีที่ผิดทางเราจะหนีตายตรงไหน หรือถ้ามันถูกทาง เราจะเลื่อนจุดคัทลอสไปยังไงหรือออกยังไง ถ้าเราเล่นเทคนิคแต่ไม่มีจุดคัท บอกได้เลยว่าตายสถานเดียว

15 กรกฎาคม 2558

5 ปัญหาสู่ความมั่งคั่ง

เคยสังเกตอะไรบ้างรึเปล่าครับ เดี๋ยวนี้คนหลายคนต่างก็มีความฝันคล้ายกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการมีชีวิตที่ดี มีบ้านหลังใหญ่ (ไม่แน่บางคนอาจต้องการคฤหาสน์) มีรถสวยๆ ได้เที่ยวรอบโลก และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีหนี้ ! แล้วทำยังไงเราถึงจะทำฝันเหล่านี้ให้เป็นจริงได้ล่ะ ? ก็ต้องมั่งคั่งน่ะสิ !


สำหรับความหมายของคำว่า "ความมั่งคั่ง" ก็คงไม่ต้องบอก เพราะมันหมายถึงการมีทรัพย์สินมากมาย ยิ่งมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเท่าไหร่ ความมั่งคั่งก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว อ่านแล้วดูเหมือนจะง่าย แต่ในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ คนค้าขายก็ขายไม่ดี กระทั่งเราเองจะให้มีเงินใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนยังยากเลย แค่ตื่นขึ้นมาเราก็เจอรายจ่ายรอบตัวแล้ว ไหนจะค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์.. ดูแล้วความฝันยิ่งห่างไกล ปัญหาจะเยอะไปไหนเนี่ย

แต่ขึ้นชื่อว่า "ปัญหา" มันย่อมมีทางแก้ไขเสมอ ดีไม่ดีบางครั้งปัญหาอาจเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จก็ได้ ! (เพราะอย่างนี้ผมถึงตั้งชื่อบทความว่า 5 ปัญหาสู่ความมั่งคั่ง :P) เรามาดูกันอย่างจริงจังดีกว่าว่ามันมีอะไรบ้าง อะไรที่ "ขัดขวาง" ไม่ให้เรามั่งคั่งซะที

13 กรกฎาคม 2558

นิวตันขายหมู

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอัจฉริยะระดับโลกอย่าง ไอแซค นิวตัน ซึ่งเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง นอกจากนี้ยังค้นพบอีกหลายๆ สิ่งที่สำคัญในวงการวิทยาศาสตร์อีกด้วย และมีอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเขาก็คือ นิวตันก็เคยเล่นหุ้นเหมือนกันนะ !


ย้อนกลับไปสมัยปี ค.ศ.1720 ในตอนนั้นประเทศอังกฤษกำลังนิยมชมชอบหุ้นตัวนึงที่มีชื่อว่า South Sea กันเป็นอย่างมาก และนิวตันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปร่วมแจมกับเขาด้วย แต่แน่นอนครับ เพราะเขาเป็นอัจฉริยะระดับโลก จึงรู้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักว่าหุ้น South Sea นั้นมีราคาสูงเกินมูลค่าไปมากแล้ว เขาจึงทำการขายหุ้นนี้ทิ้งทั้งหมด และเก็บกำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 7,000 ปอนด์

เจ๋งแฮะ คนอะไรเก่งวิทยาศาสตร์แล้วยังเก่งเรื่องลงทุนอีก แต่เหตุการณ์มันยังไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากที่นิวตันขายหุ้นไป ผ่านไปไม่นานนักหุ้น South Sea ก็ยังขึ้นต่อไม่หยุด

10 กรกฎาคม 2558

เมื่อแฟนผมซื้อหุ้น

ผมเองได้เกริ่นไปนิดนึงในเพจบ้างแล้วเกี่ยวกับแฟนผมที่เข้าซื้อหุ้นถึง 4 ตัวภายในวันเดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือบทสนทนาระหว่างผมกับเธอนั่นแหละครับ เพราะเมื่อผมถามไปว่าทำไมถึงซื้อ คำตอบสั้นๆ ที่แสนจะโดนใจของเธอก็คือ "เค้าซื้อเพราะคิดว่ามันจะขึ้น"


ใช่ครับ การตอบแบบนี้ไม่มีอะไรผิดก็จริง แต่มันเป็นเหมือนประโยคที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ คนซื้อหุ้นทุกคนต่างก็เชื่อกันทั้งนั้นว่าหุ้นตัวเองจะต้องขึ้น เพียงแต่ว่า.. อะไรล่ะที่มันทำให้หุ้นเราไปต่อได้ ?

6 กรกฎาคม 2558

เมื่อฟองสบู่หุ้นจีนแตก

ดูท่าแล้วจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ สำหรับตลาดหุ้นจีนในตอนนี้ ที่ดัชนี SHCOMP กำลังดิ่งจากจุดสูงสุดคือ 5,166 จุด มาเหลือเพียง 3,800 กว่าจุดในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเท่านั้น นับเป็นการลดลงกว่า 20% พร้อมกับวอลุ่มเทขายแบบ "มหาศาล" กว่า 3 ล้านล้านเหรียญ
 
 
คงไม่ต้องบอกว่ามันเป็นฟองสบู่ที่กำลังแตก ถึงแม้ตลาดหุ้นจีนจะมี PE โดยเฉลี่ยเพียงประมาณ 8 เท่าก็ตาม ที่น่ากลัวกว่านั้นคือกองทุนหุ้นของไทยเข้าไปลงทุนในจีนช่วงก่อนหน้านี้หลายกองซะด้วย
 
การที่อยู่ดีๆ ตลาดหุ้นเนื้อหอมอย่างจีนกลับตกลงมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ผมเองเชื่อว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง ถึงในปี 2557 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจแดนมังกรจะโตขึ้นถึงประมาณ 7.4% แต่นั่นถือว่าเป็นการเติบโตที่ "ต่ำ" ที่สุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว (ประเทศไทยเองโตได้้เกิน 5% ก็เก่งแล้ว) จึงอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง และดึงเงินออกจากตลาดในที่สุด

2 กรกฎาคม 2558

ทุกคนต้องลงทุน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนักลงทุนได้

ร้อยทั้งร้อยของคนที่ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้น ต่างก็ต้องการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง และแน่นอนว่าต้องการร่ำรวย แต่โลกนี้มันช่างประหลาด ในขณะที่กลุ่มแรกพยายามอย่างถวายชีวิตเพื่อเป็นนักลงทุน กลับมีคนอีกกลุ่มนึงดันหลีกหนีมันแบบเอาเอาตายซะนี่


หากถามว่าใครกันเป็นฝ่ายที่ทำถูก ? ก็ถูกทั้งคู่ แล้วใครล่ะทำผิด ? มันก็ผิดทั้งคู่.. เพราะสัจธรรมในการลงทุนอย่างนึงที่เราต้องรู้ไว้ นั่นก็คือ ทุกคนต้องลงทุนครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนักลงทุนได้