29 พฤศจิกายน 2558

กิจการผูกขาด "หลอก" อะไรเราได้บ้าง

สำหรับกิจการผูกขาด นักลงทุนทั่วทุกสารทิศต่างก็ชื่นชอบมันเป็นพิเศษ ถูกต้องมั้ยครับ ? เพราะคำว่าผูกขาดนั้นย่อมหมายถึงบริษัทสักแห่งที่เป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจนั้นๆ และเบอร์ 1 นี้เองที่เป็นคนทำเงินได้มากที่สุด เมื่อทำเงินได้มาก ราคาหุ้นก็ต้องขึ้นตามอย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้าให้ยกตัวอย่างกิจการผูกขาด ก็ได้แก่ โค้ก เซเว่น ฟาร์มเฮ้าส์ โอรีโอ้ Windows และอื่นๆ อีกมากมาย หากเราไปดูราคาหุ้นย้อนหลังของบริษัทเหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคามันวิ่งไปกว่า 10 เท่าทั้งนั้น






อย่างนั้นก็แปลว่าหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจผูกขาดก็ต้องเป็นหุ้นที่ดีน่ะสิ ! ใช่ครับ เป็นหุ้นที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีได้ตลอดไปนะ เพราะกิจการผูกขาดนั้นมัน "หลอกตา" นักลงทุนอย่างเราได้ง่ายมาก

แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธุรกิจผูกขาด ? ถ้าให้ผมสรุปก็มีอยู่สองข้อใหญ่ๆ นะครับ

20 พฤศจิกายน 2558

พื้นฐานกับเทคนิค สายไหนศึกษาง่ายกว่ากัน

ว่ากันว่าข้าวจานคนอื่นมักจะน่ากินกว่าเสมอ เรื่องของการลงทุนก็หนีไม่พ้นเช่นกันครับ นักลงทุนที่ใช้ปัจจัยพื้นฐานก็อาจมองว่าเทคนิคมันง่ายเพียงแค่ดูกราฟแล้วเทรด แต่นักลงทุนสายวิทยาลัยเทคนิคอาจคิดว่าพื้นฐานนั้นเพียงแต่ถือยาวก็กำไรได้แล้ว

ถ้าอย่างนั้นสำหรับมือใหม่ (หรือมือเก่า) ที่ต้องการศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างจริงจัง ควรจะศึกษาสายไหนที่เข้าใจได้ง่ายมากที่สุดดีล่ะ

เฉลยเลยครับ มันก็ยากทั้งคู่นั่นแหละ มันฟังดูโหดร้ายที่การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราต้องไม่ลืมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไร้ซึ่งความพยายามทั้งนั้น





อย่างเช่นคนที่ประสบความสำเร็จในสายพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นบัฟเฟตต์ก็ดี ดร.นิเวศน์ก็ดี คุณโจ ลูกอีสานก็ดี พวกเขาเหล่านี้ล้วนเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากเย็นแสนเข็ญกันทั้งนั้น บัฟเฟตต์ก็ไม่ได้อ่านงบการเงินเป็นหรือดูธุรกิจเป็นตั้งแต่เกิด เค้าก็ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักเหมือนกัน

14 พฤศจิกายน 2558

ทำไมการทำนายตลาดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ขึ้นชื่อว่าการทำนาย นั่นหมายถึงบางสิ่งที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดตามที่เราคิดไว้ก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนายสิ่งที่คาดเดาได้ยากอย่าง “ตลาดหุ้น” เพราะนี่เป็นตลาดที่ทุกคนต้องการ Make Money จากมันมากที่สุด การที่ใครสักคนสามารถทำนายมันได้อย่างแม่นยำ เท่ากับว่าเขาคนนั้นจะเป็นผู้ชนะของเกมอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าการทำนายอนาคตสามารถทำให้เราทำเงินจากตลาดหุ้นได้ เพราะอะไรมันจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกันล่ะ ?

ย้อนกลับไปสักสมัยปี 2518 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์เพิ่งเปิดทำการใหม่ๆ แน่นอนว่าในปีนั้น จำนวนนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ย่อมต้องน้อยมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหุ้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่มากในสำหรับคนทั่วไป แต่ด้วยความน้อยของนักลงทุนชนิดที่ว่านับหัวได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าใดนักหากจะสอบถามมุมมองแต่ละคนแบบ “ปากเปล่า” เพื่อพยากรณ์ดัชนีหรืออนาคตของหุ้นรายตัว


แต่มาในยุคปัจจุบัน ด้วยจำนวนนักลงทุนกว่า 300,000 คนโดยประมาณ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรู้ว่านักลงทุนคนอื่นมีมุมมองยังไงต่อตลาดหรือหุ้นตัวนั้นๆ นี่เองเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ควรทำนายตลาด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนอื่นๆ นั้นคิดยังไงหรือจะออก Action ยังไงบ้าง

6 พฤศจิกายน 2558

หุ้น Defensive Stock เชื่อใจได้แค่ไหน

สืบเนื่องจากบทความ "เจาะลึกอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า" ที่เพิ่งลงไปในเว็บของ Stock2morrow เมื่อสองสามวันก่อน (อ้างอิงจาก http://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=356) ซึ่งเนื้อหาในบทความนี้มีอย่างนึงที่น่าสนใจไม่น้อยครับ นั่นคือเรื่องของหุ้น Defensive Stock

ในบทความนี้เองทางคนเขียนได้อธิบายไว้ว่า นักลงทุนรวมถึงนักวิเคราะห์หลายคนต่างยกย่องให้หุ้นพลังงานไฟฟ้า เป็นหุ้น Defensive Stock ที่สามารถ "หลบภัย" ยามตลาดไม่เป็นใจได้ เนื่องจากรายได้ของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจนี้ไม่ได้ผันผวนและค่อนข้างแน่นอนมาก หลายๆ ท่านจึงเชื่อกันว่านี่คือหุ้นที่ปลอดภัยและไม่เสี่ยง

แต่คำถามครับ มันจริงแค่ไหนกัน ? ผมไม่ได้ค้านหัวชนฝาว่าหุ้น Defensive Stock เป็นหุ้นที่ไม่เสี่ยง แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เราจะรู้ได้ยังไงว่าหุ้นกลุ่มนี้มันเสี่ยงจริงหรือไม่จริงกัน 

มาดูกันเลยดีกว่า ผมจะยกเอาชาร์ตหุ้นย้อนหลัง 4 ตัวซึ่งทำธุรกิจขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าบ้านเรามาเป็นตัวอย่างนะครับ ได้แก่ EGCO RATCH GLOW และ BANPU


EGCO ราคาหุ้นลงมาในช่วงปี 2008 ราวๆ 60% และอีกครั้งในช่วงปี 2013 ร่วงลงมาประมาณ 1/3