สำหรับความหมายของคำว่า "ความมั่งคั่ง" ก็คงไม่ต้องบอก เพราะมันหมายถึงการมีทรัพย์สินมากมาย ยิ่งมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเท่าไหร่ ความมั่งคั่งก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว อ่านแล้วดูเหมือนจะง่าย แต่ในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ คนค้าขายก็ขายไม่ดี กระทั่งเราเองจะให้มีเงินใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนยังยากเลย แค่ตื่นขึ้นมาเราก็เจอรายจ่ายรอบตัวแล้ว ไหนจะค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์.. ดูแล้วความฝันยิ่งห่างไกล ปัญหาจะเยอะไปไหนเนี่ย
แต่ขึ้นชื่อว่า "ปัญหา" มันย่อมมีทางแก้ไขเสมอ ดีไม่ดีบางครั้งปัญหาอาจเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จก็ได้ ! (เพราะอย่างนี้ผมถึงตั้งชื่อบทความว่า 5 ปัญหาสู่ความมั่งคั่ง :P) เรามาดูกันอย่างจริงจังดีกว่าว่ามันมีอะไรบ้าง อะไรที่ "ขัดขวาง" ไม่ให้เรามั่งคั่งซะที
1. ไม่วางแผนทางการเงิน
ผมว่าเรื่องนี้อาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราไปไม่ถึงฝั่งฝันเลยก็ได้ เพราะขนาดหลายเรื่องรอบตัวเรายังต้องมีการวางแผน ฟุตบอล สร้างถนน ทำงาน หรือแม้กระทั่งตอนเล่นเกม แต่กลับมีน้อยคนที่จะวางแผนทางการเงิน ทั้งๆ ทีสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดได้เลยว่าเราจะร่ำรวยหรือไม่ ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าควรวางแผนทันทีครับ โดยทำด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เริ่มจากประเมินสถานะการเงินของเราเองในปัจจุบัน เราจะได้รู้ว่าเงินเข้าและเงินออกมีเท่าไหร่ และที่สำคัญ ควรจะทำบันทึกรายรับรายจ่ายทุกวัน เพื่อสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม
- ตั้งเป้าหมายที่ต้องการให้ชัด ควรตอบตัวเองได้ว่าต้องการอะไร และขีดเส้นตายเอาไว้ด้วย เช่น อยากมีเงินเก็บแสนนึงในเวลาครึ่งปี เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัด (เขียนใส่กระดาษได้ยิ่งเจ๋งเลย) เราจะทำมันอย่างจริงจังเพื่อก้าวไปสู่จุดนั้น แม้มันจะยากแค่ไหนก็ตาม
- ทำแผนการเงินที่ชัดเจนว่าควรจะทำอะไรบ้าง ให้สอดคล้องกับความต้องการและระยะเวลาที่เราวางไว้ในข้อก่อนหน้านี้
- ลง - มือ - ทำ
- วัดผลเป็นระยะๆ ว่าสิ่งที่เราทำมามันใกล้ถึงเป้าหมายมากแค่ไหน หรือตรงกับสิ่งที่เราต้องการมากแค่ไหน เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวิธีการให้เหมาะสม
2. ไม่รู้จักบริหารหนี้สิน
เราอาจเคยได้ยินมาบ่อยว่าการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แต่ผมว่าทุกคนต้องเคยเห็นคนรวยทั้งที่มีหนี้เป็นร้อยล้านแน่ๆ ผมจะบอกว่าการเป็นหนี้ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไปนะครับ บางครั้งเราอาจต้องใช้เงินเพื่อซื้อสินค้าที่จำเป็น แต่เรายังมีเงินไม่พอในตอนนี้ การตัดสินใจเป็นหนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้ เช่นกู้เงินซื้อบ้าน หรือกู้เพื่อลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งหนี้เหล่านี้จะเรียกว่าหนี้ที่ดี แต่ประเภทที่ว่า โทรศัพท์ออกใหม่ต้องซื้อ หรือกระเป๋าใบใหม่ต้องจัดให้ได้ อย่างนี้แหละที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะมันไม่ใช่หนี้สินที่ดีเลย
3. ไม่รู้จักการอดออม
ถึงแม้จะหาเงินได้มาเป็นล้าน แต่ถ้าใช้จ่ายไวยิ่งกว่าความเร็วแสงมันก็จนได้เหมือนกัน การเก็บออมเงินจึงจำเป็นอย่างมาก อย่าลืมนะว่าถ้าเราไม่มีเงินเก็บไว้ เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ตายเพราะขาดสภาพคล่อง
แล้วควรจะเก็บเงินไว้ที่ไหนดี ? ผมแนะนำว่าเงินออมควรแบ่งเป็นสองส่วนครับ ส่วนแรกคือเงินฉุกเฉิน ที่ควรจะมีสัก 3-6 เท่าของรายจ่ายในแต่ละเดือนแล้วใส่ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา กับส่วนที่สอง คือเงินที่เหลือจากการเก็บส่วนแรก เอาเก็บไว้ในบัญชีฝากประจำก็ไม่เสียหาย ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากธรรมดาตั้งหลายเท่า แถมเป็นการฝึกวินัยการออมของตัวเองเป็นอย่างดี คนจะรวยได้ต้องมีวินัยครับ
4. ไม่รู้จักวางแผนลงทุน
อย่าเพิ่งร้องยี้เมื่อเจอคำว่าการลงทุน สำหรับคนทั่วไปพอเห็นคำนี้ สิ่งแรกที่แวบขึ้นมาก็คือ "ความเสี่ยง" (การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ในโฆษณาจะพูดเร็วไปไหน) ใช่ครับ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่อย่าลืมว่าเราสามารถลดมันให้ต่ำลงได้ ถ้าเรามี "ความรู้" ที่มากพอ ซึ่งในเรื่องของการลงทุนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผน และแผนที่ว่าก็คล้ายกับแผนทางการเงินของเราในข้อแรกเลย ประกอบไปด้วย
- สำรวจความพร้อมทางการเงิน
- กำหนดเป้าหมายการลงทุน
- สำรวจความเสี่ยง
- จัดพอร์ตการลงทุน
- ประเมินผลเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน
- ประเมินความเหมาะสมในการลงทุน
5. ไม่มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน
เรือที่แล่นออกทะเลแต่ไร้ซึ่งปลายทาง ก็จะเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล และแล่นไปโดยไร้จุดหมาย มันก็เหมือนกับชีวิตเราครับ ถ้าไม่มีเป้าหมายว่าอยากได้อะไร ต้องการประสบความสำเร็จในเรื่องใด ต้องการมีความมั่งคั่งเพื่อตัวเรา และคนที่เรารักหรือไม่ เราก็จะใช้ชีวิตไปวันๆ แบบไม่มีแก่นสารอะไรเลย แต่ถ้ากำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากพอ ไม่ว่าเป้าหมายมันจะใหญ่สักแค่ไหน เราก็สามารถไปถึงจุดนั้นได้ แน่นอนครับ รวยถึงความมั่งคั่งที่เราปรารถนาด้วย
ใครที่อยากรู้ลึกเกี่ยวกับการไปสู่ความมั่งคั่งแบบ "ละเอียด" ลองเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/bank/th/Planyourmoney/FinancialKnowledge/Managing-your-wealth.html โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ให้ข้อมูลในการบริหารความมั่งคั่งที่มีประโยชน์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงครับ
อย่าลืมเรื่องสำคัญที่สุด ปัญหามันจะแก้ไขได้ด้วยการ "ลงมือทำ" เท่านั้นนะ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น