13 กรกฎาคม 2558

นิวตันขายหมู

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอัจฉริยะระดับโลกอย่าง ไอแซค นิวตัน ซึ่งเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง นอกจากนี้ยังค้นพบอีกหลายๆ สิ่งที่สำคัญในวงการวิทยาศาสตร์อีกด้วย และมีอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเขาก็คือ นิวตันก็เคยเล่นหุ้นเหมือนกันนะ !


ย้อนกลับไปสมัยปี ค.ศ.1720 ในตอนนั้นประเทศอังกฤษกำลังนิยมชมชอบหุ้นตัวนึงที่มีชื่อว่า South Sea กันเป็นอย่างมาก และนิวตันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปร่วมแจมกับเขาด้วย แต่แน่นอนครับ เพราะเขาเป็นอัจฉริยะระดับโลก จึงรู้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักว่าหุ้น South Sea นั้นมีราคาสูงเกินมูลค่าไปมากแล้ว เขาจึงทำการขายหุ้นนี้ทิ้งทั้งหมด และเก็บกำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 7,000 ปอนด์

เจ๋งแฮะ คนอะไรเก่งวิทยาศาสตร์แล้วยังเก่งเรื่องลงทุนอีก แต่เหตุการณ์มันยังไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากที่นิวตันขายหุ้นไป ผ่านไปไม่นานนักหุ้น South Sea ก็ยังขึ้นต่อไม่หยุด

ถ้าเป็นเราก็คงเจ็บใจตายชัก คำว่า "รู้งี้" อาจวิ่งเต็มหัวไปหมด ซึ่งนิวตันเองก็เช่นกัน แม้ตอนแรกเขาจะบอกว่ามัน Over Value ไปแล้ว แต่แหม.. มันยังขึ้นต่อนี่นา คนอื่นได้เงินกันถ้วนหน้า ฉันขอสักนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ว่าแล้วนิวตันก็กลับเข้าซื้อหุ้น South Sea อีกครั้งหนึ่ง

แต่ปัญหาคือสิ่งที่เค้าเคยบอกไว้ว่ามันเกินมูลค่า มันเพิ่งจะสะท้อนออกมาหลังจากตอนที่นิวตันซื้อหุ้นครั้งล่าสุดนี้เอง ใช่แล้วครับ ฟองสบู่หุ้น South Sea แตกอย่างย่อยยับ และอัจฉริยะบุคคลของโลกผู้นี้ก็สูญเงินไปกว่า 20,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยในปัจจุบันก็ประมาณ 66 ล้านบาท.. คฤหาสน์พร้อมแลมโบกินี่คันนึงเลยนะนั่น

ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเอง ว่ากันว่านิวตันสั่งห้ามทุกคนไม่ให้พูดคำว่า "เซ้าท์ ซี" ให้เขาได้ยินอีก (เป็นผมโดนขนาดนี้ก็คงไม่อยากได้ยินเหมือนกัน) แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน คำถามสำคัญคือจากเรื่องนี้เราได้เรียนรู้อะไรจากนิวตันบ้างล่ะ ?


อย่างที่หนึ่งก็คงเป็น.. มันทำให้เรารู้ว่านิวตันเคยขายหมูและติดดอยมาแล้ว 555+ ซึ่งเรื่องนี้มันก็สัมพันธ์กับสิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างที่สองนะครับ คือถ้าสังเกตในครั้งแรกที่เขาซื้อหุ้น จะเห็นว่าเขาค่อนข้างมี "เหตุผล" พอสมควรเลย  เค้าเองรู้ว่าหุ้นตัวนี้มันเกินมูลค่าไปมากๆ แล้ว เราต้องขายนะ แล้วนิวตันก็ขายออกมาแถมได้กำไรด้วย นั่นทำให้เรารู้เลยว่าเขาเองมีระเบียบวินัยด้านการลงทุนที่ดีมาก

แต่พอมาถึงการซื้อหุ้นรอบที่สอง มันจะต่างกับรอบแรกก็ตรงที่นิวตันเองซื้อเพราะ "ความโลภ" ล้วนๆ คือรู้ทั้งรู้แหละว่ามันเกินมูลค่า แต่ก็กล้าที่จะเข้าไปเล่นกับไฟ เพราะอย่าลืมว่าถึงเค้าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์มือหนึ่ง แต่นิวตันก็เป็นคนเหมือนกัน มีความโลภและความกลัวเหมือนกัน เพียงแต่เขาปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจนนำไปสู่การขาดทุนอย่างมหาศาล

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านมากว่า 300 ปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้เราจะมีคอมพิวเตอร์ที่เจ๋งขึ้น มีข้อมูลที่มากขึ้น แต่ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักที่จะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไว้ เราก็จะกลายเป็นนิวตันหมายเลข 2 ทันที 

ผมชอบคำพูดนึงที่อยู่ในคลิปของการสัมภาษณ์เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรุ่นเก๋าที่อยู่ในตลาดมากว่า 30 ปี ที่เสียป๋องเองได้พูดถึงเรื่องบางอย่างซึ่งผมว่ามันเหมาะที่จะใช้สอนใจนักลงทุนสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี


"ผมไม่ได้เก่งนะ เดี๋ยวนี้คนใหม่ๆ เก่งกว่าผมกันทั้งนั้น ยิ่งเรียนวิศวะยิ่งได้เปรียบ เค้าคำนวณเก่ง ผมสู้เขาไม่ได้หรอก.. แต่ผมเอาความอดทนเข้าสู้ไง"

บางทีความเก่งมันคงไม่ได้หมายถึงความฉลาดเพียงอย่างเดียว เพราะโลกนี้มีคนฉลาดอยู่เต็มไปหมด แต่มันอาจหมายถึงคนที่ฉลาด + อดทนต่างหาก นั่นแหละคือคนที่เก่งในโลกแห่ง "การลงทุน" อย่างแท้จริง

ปล. ลิ้งของคลิปวิดีโอที่ว่าครับ https://www.youtube.com/watch?v=DJqypcL2LRs

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น