26 กันยายน 2558

ต่อจากกระทู้ยกเครื่องการบินไทย : เหตุไฉนธุรกิจสายการบินจึงอยู่ยาก ?

หลังจากที่บทความ "6 กลยุทธ์กับการยกเครื่องครั้งใหญ่ของการบินไทย" ที่เพิ่งลงในแฟนเพจ Stock2Morrow เมื่อวันสองวันก่อนได้รับกระแสตอบรับดีพอควร (ย้อนไปอ่านได้ที่ http://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=276สิ่งแรกที่ผมรู้สึกก็คือ CEO อย่างคุณจรัมพรนั้นค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับแผนฟื้นฟูนี้มาก (ถึงขั้นกำหนดเลยว่าจะกู้วิกฤติให้ได้ใน 2 ปี) แม้แผนทั้ง 6 ข้อจะฟังดูยากสักนิด แต่ใครเล่าจะไปรู้ หุ้น THAI อาจเป็นหุ้นพื้นฐานดีในอนาคตก็ได้

จะว่าไปแล้วการบินไทยนั้นไม่ใช่สายการบินแรกที่มีปัญหาในการดำเนินงานครับ มีหลายสายการบินทั่วโลกที่เคยประสบปัญหากันมาก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างเช่นการขาดทุนอย่างหนักหน่วง หรือแม้กระทั่งปิดกิจการก็มี (หนึ่งในนั้นคือPanAm อดีตสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันก็เจ๊งเป็นที่เรียบร้อย) 




Click image for larger version

Name: 028.jpg
Views: 1
Size: 185.2 กิโลไบต์
ID: 214930



แต่นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจครับ หากเรามองแบบคร่าวๆ ธุรกิจสายการบินนั้นมีคนใช้บริการตลอด แถมค่าตั๋วก็แพงใช่ย่อย เครื่องบินก็ซื้อใหม่เรื่อยๆ มันน่าคิดเหมือนกันว่าธุรกิจที่แสนจะยิ่งใหญ่นี้จะประสบปัญหาจนล้มได้ยังไงกันนะ ?

20 กันยายน 2558

กระแสเงินสดของเทรดเดอร์

ผมเชื่อว่านักลงทุนทุกคนย่อมรู้จักเงินปันผล ใครบ้างจะไม่รู้จักล่ะ เพราะเงินปันผลเป็นสิ่งที่หลายๆ คนปรารถนาและชื่นชอบจนอาจเป็นจุดประสงค์หลักในการลงทุนเลยก็ได้ เพราะเราต่างก็รู้กันว่าเจ้าเงินปันผลนี้แหละที่สามารถสร้าง Passive Income หรืออิสรภาพทางการเงินให้กับเราได้

ไม่ต้องเอาตัวอย่างที่ไหน อย่างดร.นิเวศน์ที่เข้าซื้อหุ้น CPALL ตั้งแต่ประมาณ 4 บาท ตอนนี้ท่านเองได้รับปันผลจากหุ้นตัวนี้เพียงตัวเดียวก็เป็น "สิบๆ ล้าน" แล้ว นั่นทำให้มันน่าสนใจขึ้นไปอีกในฐานะเครื่องมือสร้าง "กระแสเงินสด" ชั้นเยี่ยม



















จึงไม่แปลกที่ทำให้ในปัจจุบัน มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่เข้าซื้อหุ้นเพื่อหวังปันผลล้วนๆ โดยไม่ได้สนใจราคาหุ้นสักเท่าไหร่ เข้าคอนเซปประมาณว่า ราคาข้าไม่เกี่ยง ปันผลจ่ายคงที่หรือมากขึ้นก็พอแล้ว

แต่ทีนี้ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น ถ้าเราอยากจะมี Passive Income จากหุ้น มันจำเป็นต้องมาจากเงินปันผลอย่างเดียวเหรอ ?

7 กันยายน 2558

เมื่อการมีเงินล้านไม่ใช่คำตอบ

เราจะสังเกตเห็นว่าปัจจุบันมีคนจำนวนมากมายที่เอาจริงเอาจังกับความร่ำรวยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน บางคนอาจต้องการสร้างเงินล้านก่อนอายุ 30  หรือบางคนอาจต้องการอิสรภาพทางการเงินก่อนอายุ 35  และลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น 

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีครับ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าคนเริ่มมอง "ด้านบวก" ของความรวยมากขึ้น และยิ่งน่าดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเราพบว่าจำนวนคนที่เป็น "เศรษฐีเงินล้าน" ตั้งแต่อายุยังน้อยมีมากขึ้นทุกที บางคนทำได้ตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ




ดูแล้วไม่มีอะไรจะน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะการที่คนๆ นึงทำเงินได้มาก มันก็คล้ายกับการรับประกันไปในตัวแล้วว่าคนนี้จะไม่อดตายและสามารถหาเงินได้อีกในอนาคต ดีไม่ดีคนที่เรารู้จักอาจกลายเป็น Top 5 ของเศรษฐีเมืองไทยก็ได้

แต่มันมีเรื่องที่น่าคิดอยู่อย่างนึงนะ เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่มีเงินล้านในวันนี้ จะสามารถรักษาเงินจำนวนนั้นได้ในระยะยาว.. ไม่สิ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาคนนั้น "เจ๋งจริง" ที่จะทำให้มันเพิ่มขึ้นได้