แล้วพอวันต่อมา ประกฎว่าราคาหุ้นมันขึ้นไปที่ 2.96 บาท !
เป็นเราจะรู้สึกยังไงบ้างถ้าหุ้นที่เราถือมัน +6.47% ภายในวันเดียว เราคงยิ้มกรุ้มกริ่มแน่ๆ และไม่ปฏิเสธเลยว่าผมเองก็คงคิดว่าเราเป็นเทพแน่ๆ ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเราถืออยู่สัก 100,000 หุ้น ได้กำไรมาหุ้นละ 0.18 บาท เท่ากับว่าเราทำเงินได้ 18,000 บาทในวันเดียว เงินเดือนของคนจบใหม่เลยนะนั่น !
นั่นล่ะครับท่านผู้ชม เงินที่ทำได้กว่า 18,000 บาทในวันเดียว ณ บัดนี้ก็คืนตลาดไปภายในวันเดียวเช่นกัน แต่ครับแต่ อย่างน้อยเราก็ยังเหลือกำไรอยู่นิดหน่อยนะ เพราะราคาหุ้นตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2.84 บาท (กำไร 0.06 บาท) แม้จะเสียเงินไปเกือบสองหมื่น แต่เราก็ยังมีสถานะเป็นกำไรอยู่ 6,000 บาท คำถามครับ จะขายหรือไม่ขาย ?
อืม.. ลงแรงขนาดนี้ อยากขายอ่ะะะะ แต่อีกใจมันก็เสียดาย เงินหายไปตั้ง 12,000 บาท เอาวะ ! ถือต่ออีกหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมันก็ขึ้นไปสูงกว่าเดิมแน่ๆ กราฟยังทรงสวยอยู่เลย
พอเข้าใจเหตุผลรึเปล่าครับว่าทำไมผมถึงถามว่าหุ้นขึ้นทำไง ? เพราะการที่หุ้นของเราขึ้น มันไม่ได้แปลว่าเราจะทำเงินได้เสมอไป หลายต่อหลายครั้งที่หุ้นมันอาจจะไปต่อก็จริง แต่ไม่น่าเชื่อว่าผลสรุปของการเทรดนั้นจะเป็นการขาดทุนซะนี่
ถ้างั้นต้องทำไงล่ะ ? ง่ายๆ ครับ การจะตอบคำถามข้อนี้ได้ เราต้องเตรียมตัวมาตั้งแต่ก่อนซื้อหุ้นแล้ว นั่นคือจะขายหุ้นออกตอนไหน ทั้งในกรณีที่มันลง และในกรณีที่มันขึ้นด้วย หากมันลง สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือถ้าราคาหุ้นไปถึงจุด Cut Loss เมื่อไหร่ เราก็ขาย แต่ถ้ามันขึ้น นั่นคือสิ่งที่ต้องใช้ความคิดมากกว่า เพราะหากเราขายไวเกินไป อาจเป็นการขายหมูทั้งฟาร์ม แต่ถ้าขายช้าไป มันก็จะเป็นแบบในรูปด้านบนนั่นแหละครับ
ที่ผมจะสื่อก็คือ เวลาหุ้นขึ้น อย่าเพิ่งดีใจเกินไปว่าเราคิดถูก บ่อยครั้งที่มันขึ้นแบบบั้งไฟครับ ขึ้นแล้วลงเลย เพราะถ้าเราไม่ได้หาหุ้นที่เป็น "ผู้ชนะ" จริงๆ ตั้งแต่แรก ส่วนใหญ่มันมักจะเป็นแบบนั้น แถมข่าวร้ายก็คือนี่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำซะด้วยสิ ไว้ค่อยดีใจตอนขายทำกำไรก็ยังไม่สาย
เพราะการที่หุ้นขึ้น ไม่ได้แปลว่าเราคิดถูก และการที่หุ้นลง ก็ไม่ได้แปลว่าเราคิดผิดเหมือนกัน จริงไหมครับ ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น