10 กรกฎาคม 2558

เมื่อแฟนผมซื้อหุ้น

ผมเองได้เกริ่นไปนิดนึงในเพจบ้างแล้วเกี่ยวกับแฟนผมที่เข้าซื้อหุ้นถึง 4 ตัวภายในวันเดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือบทสนทนาระหว่างผมกับเธอนั่นแหละครับ เพราะเมื่อผมถามไปว่าทำไมถึงซื้อ คำตอบสั้นๆ ที่แสนจะโดนใจของเธอก็คือ "เค้าซื้อเพราะคิดว่ามันจะขึ้น"


ใช่ครับ การตอบแบบนี้ไม่มีอะไรผิดก็จริง แต่มันเป็นเหมือนประโยคที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ คนซื้อหุ้นทุกคนต่างก็เชื่อกันทั้งนั้นว่าหุ้นตัวเองจะต้องขึ้น เพียงแต่ว่า.. อะไรล่ะที่มันทำให้หุ้นเราไปต่อได้ ?

ยิ่งกว่านั้นก็คือ แม้จุดซื้อจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ แล้ว ผมมองว่าจุดขายอาจเป็นสิ่งสำคัญกว่าด้วยซ้ำ เพราะอย่าลืมว่ากำไรที่เราได้ มันมาจากตอนขายหุ้น รวมถึงในกรณีที่ราคาหุ้นวิ่งลง การกำหนดจุดขายไว้แต่เนิ่นๆ จะทำให้เราไม่เจ็บตัวเกินไปด้วย ซึ่งแน่นอนครับ แฟนผมก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าจะขายเมื่อไหร่

สำหรับผมเอง ทุกครั้งที่ซื้อหุ้น (แบบมีสตินะ) ผมจะมีคำถาม 4 ข้อที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ และคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์ที่จะเอามาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งคำถามที่ว่าก็สั้นๆ ง่ายๆ ดังนี้ครับ

1. ซื้อที่เท่าไหร่
2. ทำไมมันถึงจะไปต่อ
3. ขายตรงไหน
4. ทำไมถึงขาย

เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ เพราะเราต้องไม่ลืมความจริงข้อนึงว่า "หุ้น" มันมาพร้อมกับ "ความเสี่ยง" เสมอ ต่อให้เราจะทำการบ้านมาหนักแค่ไหน หรือมีกลยุทธ์ใดก็ตามที่แม่นยำขนาด 99% ว่าหุ้นจะต้องขึ้น แต่เจ้า 1% นี้ล่ะคือตัวปัญหา มันจะเกิดขึ้นบ่อยจนสร้างความเสียหายให้กับพอร์ตเราได้

ผมลองใช้ตัวอย่างที่แฟนผมทำดีกว่า เธอเองบอกผมว่าที่ซื้อเพราะเชื่อว่ามันจะขึ้น (สงสัยฟังเพลงคววามเชื่อ ของพี่ตูนบ่อยเกินไป) ซึ่งหลังจากที่เธอซื้อ ผลลัพธ์มันย่อมมีอยู่สองทาง ทางแรก หุ้นขึ้น และทางที่สอง หุ้นลง เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าหาก "หุ้นลง" โดยที่แฟนผมยังตอบคำถามไม่ครบทั้ง 4 ข้อ มันจะเกิดอะไรขึ้น ?


วันแรกที่เธอซื้อ เธอจะมั่นใจมากๆ ว่ายังไงก็ขึ้นแน่นอน



วันที่สอง เธออาจงงนิดหน่อยและเจ็บใจที่ไม่ได้เฝ้าจอ เพราะถ้าติดตามทั้งวัน เธอคงได้ขายตรง High สุดของวันนั้นแล้ว (อะไรจะเก่งขนาดนั้น)



พอวันที่สาม ในที่สุดราคาหุ้นก็วิ่งมาต่ำกว่าทุนของเธอ และมันทำให้ความคิดเธอเริ่มวิ่งไม่หยุด จะขายตรงไหนดี ถ้าขายแล้วมันขึ้นล่ะ แต่ถ้าไม่ขายแล้วมันลงต่อล่ะ นี่เองคือผลร้ายของการไม่วางจุดขายก่อนที่จะเข้าซื้อ



วันที่สี่.. ขายก็ได้ 


เราจะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พอมีปัญหาขึ้นมาเราจะทำอะไรไม่ถูกครับ หากก่อนที่จะเข้าซื้อไม่ได้วางแผนเลยว่าจะหาทางหนีทีไล่ยังไง พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เราก็พร้อมที่จะ Let Loss Run แล้วไปขายที่ Low อย่างง่ายดาย 

แต่ถ้าหุ้นขึ้นมันก็น่าจะจบไม่ใช่เหรอ ? ถ้าอย่างนั้นมาดูในผลลัพธ์ของการซื้อแล้วหุ้นขึ้นบ้างดีกว่า อย่าคิดเชียวว่าหุ้นวิ่งแล้วไม่ต้องวางแผนก็ได้ มันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น



วันที่หนึ่ง เข้าซื้อเรียบร้อย



วันที่สอง ไอ๊ย่ะ ! เรานี่มันเทพส่งมาเกิดชัดๆ มันต้องขึ้นต่อแน่นอน



วันที่ 3-7 อืม.. มันคงย่อตัวเพื่อขึ้นต่อ ! แถมตอนนี้เรายังกำไรด้วย รอไปก็ไม่เสียหาย เป็นนักลงทุนต้องอดทนสิ !



วันสุดท้าย.. ความอดทนเหือดหาย ขายก็ได้


ไม่น่าเชื่อ ขนาดหุ้นขึ้นยังสามารถทำให้เราขาดทุนได้ถ้าเราขาดการวางแผนในการเทรดที่ดีพอ แต่ไม่ใช่เฉพาะแฟนผมนะครับที่เจอเหตุการณ์นี้ เมื่อก่อนผมเองก็เป็น ตอนซื้อหุ้นก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงซื้อ อะไรที่จะทำให้มันขึ้น พอตอบตัวเองไม่ได้ ยิ่งถือไปก็ยิ่งอึดอัด แล้วพอราคาวิ่งไปไหน เราก็ตาย เพราะเราคิดอะไรไม่ออก

ถ้าเราซื้อหุ้นตัวไหนแล้วไม่มีความ "สะดวกใจ" ที่จะถือไว้ มันก็ยากที่จะขึ้นและทำกำไรให้เราได้ครับ  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น