สืบเนื่องจากบทความ "เจาะลึกอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า" ที่เพิ่งลงไปในเว็บของ Stock2morrow เมื่อสองสามวันก่อน (อ้างอิงจาก http://www.stock2morrow.com/article-detail.php?id=356) ซึ่งเนื้อหาในบทความนี้มีอย่างนึงที่น่าสนใจไม่น้อยครับ นั่นคือเรื่องของหุ้น Defensive Stock
ในบทความนี้เองทางคนเขียนได้อธิบายไว้ว่า นักลงทุนรวมถึงนักวิเคราะห์หลายคนต่างยกย่องให้หุ้นพลังงานไฟฟ้า เป็นหุ้น Defensive Stock ที่สามารถ "หลบภัย" ยามตลาดไม่เป็นใจได้ เนื่องจากรายได้ของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจนี้ไม่ได้ผันผวนและค่อนข้างแน่นอนมาก หลายๆ ท่านจึงเชื่อกันว่านี่คือหุ้นที่ปลอดภัยและไม่เสี่ยง
แต่คำถามครับ มันจริงแค่ไหนกัน ? ผมไม่ได้ค้านหัวชนฝาว่าหุ้น Defensive Stock เป็นหุ้นที่ไม่เสี่ยง แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เราจะรู้ได้ยังไงว่าหุ้นกลุ่มนี้มันเสี่ยงจริงหรือไม่จริงกัน
มาดูกันเลยดีกว่า ผมจะยกเอาชาร์ตหุ้นย้อนหลัง 4 ตัวซึ่งทำธุรกิจขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าบ้านเรามาเป็นตัวอย่างนะครับ ได้แก่ EGCO RATCH GLOW และ BANPU
EGCO ราคาหุ้นลงมาในช่วงปี 2008 ราวๆ 60% และอีกครั้งในช่วงปี 2013 ร่วงลงมาประมาณ 1/3
RATCH ตกลงมาเกือบ 50% ในปี 2008 และเกือบ 23% ในปี 2013
GLOW ในปี 2008 ราคาตกลงมา ? และตกลงมาอีก 23% ในปี 2013
BANPU อ่า.. จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่หุ้น Defensive Stock เท่าไหร่เพราะมันค่อนข้างอ้างอิงกับราคาถ่านหินพอควรเลย แต่ค่อยว่ากันครับ เพราะตอนที่มัน Peak มากแถวๆ 800 ทุกคนต่างมองว่านี่เป็นหุ้นที่ดีทั้งนั้น และราคาหุ้นก็เป็นอย่างที่เห็น ดอยในตำนานนั่นเอง
จากหุ้นทั้ง 4 ตัวนี้ ถ้าหากเราตัดตัว BANPU ออกไป (เพราะผมมองว่านี่เป็นหุ้นของสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่าจะเป็นหุ้นปลอดภัย) ทุกท่านก็จะสังเกตได้ว่าราคามันก็ลงๆ เหมือนกันหมดในเวลาเกิดวิกฤติ ทั้งๆ ที่นี่เป็นหุ้น Defensive Stock ที่หลายคนต่างก็เชื่อว่ามันไร้เทียมทาน !
จะบอกว่าหุ้นแบบนี้มันไม่ทนก็ไม่ใช่ คือหุ้นอย่าง EGCO RATCH และ GLOW นั้นมันมีรายได้และกำไรสม่ำเสมอพอสมควรครับ เพราะไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งที่คนยังใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือความแข็งแกร่งในด้านของธุรกิจ
แต่ถ้าในด้านของราคาหุ้น มันเหมือนกับหนังคนละม้วน เพราะราคาหุ้นของทุกๆ ตัวมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคงที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติ ต่อให้ธุรกิจนั้นจะดีหรือเจ๋งแค่ไหน แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นมีคนขายมากกว่าคนซื้อ มันก็ฝืนกฎของธรรมชาติไม่ได้ครับ ท้ายที่สุดมันต้องร่วงลงมาอยู่ดี อยู่ที่ว่ามันจะกลับตัวได้ช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
ซึ่งถ้าเป็นหุ้น Defensive Stock ข้อได้เปรียบของหุ้นเหล่านี้ก็คือ ?ยังไงมันย่อมกลับมา? อย่าลืมว่าราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นมันอาจจะ Over หรือ Under Value อย่างหนักได้ แต่ตราบใดที่ธุรกิจยังดีและทำเงินได้มากขึ้น ราคาหุ้นในระยะยาวย่อมสูงขึ้นในที่สุด
แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ไม่ได้มีพื้นฐานอะไรมารองรับเลย ตั้งอยู่บนความโลภของคนล้วนๆ เวลาตลาดดีหุ้นเหล่านี้จะขึ้นแรงจนนักลงทุนหลายท่านอิจฉาเอาได้ง่ายๆ แต่ในเวลาที่มันลงนี่ล่ะครับ เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไง แถมหุ้นหลายๆ ตัวที่ไม่มีพื้นฐานอะไรมารองรับ ไปแล้วไปลับเลยด้วยซ้ำ
ถ้าให้สรุป ผมจะแยกเป็นสองกรณีครับ กรณีแรก หุ้น Defensive Stock สามารถเชื่อใจได้ ราคาหุ้นสามารถขึ้นต่ออย่างมั่นคงได้ในระยะยาว เพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทกลุ่มนี้มีความมั่นคงมาก และยากที่จะเจ๊ง แต่กรณีที่สองที่เรา ?ไม่สามารถเชื่อใจได้? นั่นคือเรื่องของราคาในระยะสั้น เพราะถ้าเกิดวิกฤติขึ้นมา ก็อย่างที่เราเห็นแล้วว่ามันอาจลงไปมากกว่า 50% ยังได้เลย นี่ขนาดเป็นหุ้นที่ดีนะ
การลงทุนที่ดีและทำเงินได้ ไม่ใช่แค่เลือกธุรกิจที่ดีครับ แต่ต้องเป็นจังหวะเวลาและราคาที่ใช่ด้วย นั่นต่างหากจึงจะทำเงินได้และเชื่อใจมันได้อย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น