ผมเชื่อว่านักลงทุนทุกคนย่อมรู้จักเงินปันผล ใครบ้างจะไม่รู้จักล่ะ
เพราะเงินปันผลเป็นสิ่งที่หลายๆ
คนปรารถนาและชื่นชอบจนอาจเป็นจุดประสงค์หลักในการลงทุนเลยก็ได้
เพราะเราต่างก็รู้กันว่าเจ้าเงินปันผลนี้แหละที่สามารถสร้าง Passive Income
หรืออิสรภาพทางการเงินให้กับเราได้
ไม่ต้องเอาตัวอย่างที่ไหน อย่างดร.นิเวศน์ที่เข้าซื้อหุ้น CPALL
ตั้งแต่ประมาณ
4 บาท ตอนนี้ท่านเองได้รับปันผลจากหุ้นตัวนี้เพียงตัวเดียวก็เป็น
"สิบๆ ล้าน" แล้ว นั่นทำให้มันน่าสนใจขึ้นไปอีกในฐานะเครื่องมือสร้าง
"กระแสเงินสด" ชั้นเยี่ยม
จึงไม่แปลกที่ทำให้ในปัจจุบัน
มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่เข้าซื้อหุ้นเพื่อหวังปันผลล้วนๆ
โดยไม่ได้สนใจราคาหุ้นสักเท่าไหร่ เข้าคอนเซปประมาณว่า ราคาข้าไม่เกี่ยง
ปันผลจ่ายคงที่หรือมากขึ้นก็พอแล้ว
แต่ทีนี้ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น ถ้าเราอยากจะมี Passive Income จากหุ้น
มันจำเป็นต้องมาจากเงินปันผลอย่างเดียวเหรอ ?
เพียงแต่ว่า คำตอบเมื่อกี้ผมตอบแบบจริงจังในหลักการสุดๆ ไปเลย
และไม่มีหลักการไหนซะหน่อยที่บอกว่าคนที่ซื้อขายหุ้นจะมีอิสรภาพทางการเงินไม่ได้ !
ในหนังสือชื่อดังอย่าง How To Make Money In Stock ได้แนะนำสิ่งนึงที่ผมชอบมากๆ
เลยก็คือ หากนักลงทุนคนไหนที่ลงทุนเป็นงานหลักและจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงตัวเอง
ก็แค่ถอนเงินจากพอร์ตออกมาสิ จะไปยากอะไร ! ถอนทุกครึ่งปี ครั้งละ 1.5%
ของมูลค่าพอร์ตโดยรวมก็ได้ (แต่ต้องไปคำนวณค่าใช้จ่ายตัวเองด้วยนะว่าตกเดือนละเท่าไหร่)
เช่นสมมติ เรามีพอร์ตนิดหน่อยประมาณ 100 ล้าน
(นิดนะเนี่ย) แล้วในแต่ละเดือนเรามีรายจ่ายประมาณ 100,000 บาท
หากถอนเงินทุกครึ่งปี ครั้งละ 1.5% ก็เท่ากับว่าเราจะมีกระแสเงินสดมาใช้ถึง 1.5 ล้านบาท
แต่ค่าใช้จ่ายเรามีแค่ 6 แสนบาท ดังนั้นเงินที่เหลืออีก 9 แสน
เราก็สามารถเอาไปออมให้ลูก ลงทุนต่อ หรือจะเก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉินก็ยังได้
แต่บางคนก็อาจรู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องถอนเงินในพอร์ตออกมาใช้
และเลือกที่จะเอาเงินไปซื้อหุ้นปันผลเพื่อสร้างกระแสเงินสดเหมือนที่คนอื่นๆ ทำกัน
ถามว่าผิดมั้ย ? ไม่ผิดครับ แต่เราต้อง "เก่งจริง" และ
"ตลาดเป็นใจ" ด้วย
ที่ผมบอกแบบนี้ก็เพราะว่า
หากเราเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนที่เชี่ยวชาญในการหาหุ้นเติบโต
การที่เราได้ปันผลปีแรก 5% และปีต่อไปเติบโตเพิ่มอีกนิดสักปีละ 10% โดยเฉลี่ย
มันก็ยังเทียบไม่ได้เลยหากเราหาหุ้นที่เจ๋งพอจนมันโตไป 5 เด้งได้
เรามีวิธีที่ดีกว่าและถัดกว่า จะเสี่ยงใช้ในสิ่งที่ด้อยกว่าไปทำไม
เรื่องภาวะตลาดก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องคิดสำหรับหุ้นปันผล
เพราะในยุคนี้ที่ PE ตลาดปาไป 20 เท่า แถม Dividend Yield อยู่แค่ประมาณ 2-3%
มันคงเป็นไปได้ยากมากที่จะหาหุ้นแบบ CPALL ในอดีตซึ่งจ่ายปันผลสูงๆ
และเป็นหุ้นเติบโตอีกต่างหาก ของดีราคาถูกมันมีอีกแน่ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
มีคำพูดติดตลกของนักลงทุนคนนึงเคยบอกเอาไว้ว่า
"เงินนี้ไม่ใช่เงินศักดิ์สิทธิ์จนจับต้องไม่ได้ ถอนมันออกมาใช้ซะบ้าง"
ดูท่าจะไม่ใช่เพียงแค่คำพูดตลกๆ ธรรมดาซะแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น