เมื่อสองสามวันก่อน มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้บริหารของเซเว่นท่านนึงที่ซื้อหุ้นของ MAKRO เอาไว้ ก่อนที่เซเว่นจะเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ หากยังจำกันได้ ในตอนนั้น CPALL เข้าซื้อแมคโครที่ราคา 787 บาทต่อหุ้น นับเป็นดีลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดเลยก็ว่าได้
แต่ขึ้นชื่อว่าการเทคโอเวอร์ แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นราคาหุ้นจะต้องถูกไล่ซื้ออย่างหนัก หากยังจำกันได้ ในวันที่มีข่าวประกาศออกมาว่าเซเว่นจะเข้าซื้อกิจการ ราคาหุ้น MAKRO กระโดดจากประมาณ 690 บาท มาอยู่ที่ราว 750 บาททันที นั่นเพราะว่านักลงทุนทุกคนต่างก็รู้ว่านี่คือมูลค่าที่เหมาะสมสำหรับมัน
ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า คนที่ซื้อหุ้นก่อนข่าวจะออกแล้วถือไว้ จะต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ หรืออีกกรณีนึงก็คือ ต้องเป็นคนที่ Insider มากจนรู้เรื่องราวทุกอย่างในบริษัท.. เหตุผลข้อนี้เองครับที่เป็นประเด็น เพราะผู้บริหารที่ได้กล่าวมานั้นเข้าซื้อ MAKRO เป็นแสนหุ้น โดยใช้ข้อมูลวงในที่ยังไม่ได้เปิดเผย !
และแน่นอน เมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้ ราคาหุ้น CPALL จึงถูกเทขายอย่างหนักในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน แถมยังทำให้หุ้นตัวอื่นในตลาดพากันตกตามไปด้วย เพราะเซเว่นนั้นเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดกว่า 4 แสนล้านบาท การที่หุ้นยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ลงมาเกือบ 10% ได้ มันย่อมมี Impact ต่อตลาดเป็นธรรมดา
ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญ หุ้นเซเว่นลงมาหนักขนาดนี้ มันลงมากไปรึเปล่าล่ะ ? แล้วถึงเวลาที่จะเข้าเก็บของดีราคาถูกกันได้รึยัง ?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หุ้นเซเว่นลงมาหนักขนาดนี้ครับ ก่อนหน้านี้ช่วงประมาณต้นปี 2557 หุ้น CPALL ถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากภาวะตลาดที่ไม่เป็นใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นเหลือเพียงประมาณ 30 บาทเท่านั้น แต่สุดท้ายราคาหุ้นก็กลับมาเหมือนเดิมได้ในเวลาอันสั้น เพราะในตอนนั้นสิ่งที่แย่มันเกิดจากตลาด ไม่ได้เป็นเพราะตัวกิจการของเซเว่น
บริเวณที่วงกลมสีฟ้าไว้ นั่นคือช่วงที่ราคาหุ้น CPALL ฟื้นตัวจากประมาณ 30 บาท มาอยู่ที่ 40 กว่าบาทเช่นเดิม
แต่สำหรับราคาหุ้นเซเว่นที่ลงมาในครั้งนี้ มันค่อนข้างต่างออกไปมากทีเดียว เพราะสาเหตุมันไม่ได้มาจากตลาดหรือปัจจัยภายนอก แต่มันมาจากหัวใจของบริษัทที่เรียกว่า “ผู้บริหาร” ปัญหาก็คือถ้าผู้บริหารไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ แล้วบริษัทที่เขาบริหารอยู่ล่ะ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ถือหุ้นตาดำๆ จะไม่โดนเอาเปรียบ ?
ในการเลือกหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานนั้น สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องวิเคราะห์จะมีอยู่สามอย่าง นั่นคือลักษณะของธุรกิจ งบการเงิน และผู้บริหาร ซึ่งตอนนี้ทุกท่านก็ทราบแล้วว่า CPALL มีปัญหาในเรื่องสุดท้าย แต่สองปัจจัยแรกนั้นยังคงดีอยู่ จริงรึเปล่าครับ ? งบการเงินก็ยังสวย สะอาด เงินสดล้นบริษัท เป็นธุรกิจที่ไร้เทียมทานมากๆ และจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
ถ้าหากจะซื้อเก็บเพราะราคาที่ถูก สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องตอบให้ได้ก็คือ เจ้าสองสิ่งแรก (ลักษณะธุรกิจและงบการเงิน) ที่ยังดีอยู่เนี่ย จะสามารถค้ำยันอีกหนึ่งปัจจัยที่แย่ลง (ผู้บริหาร) ได้รึเปล่า หากเชื่อว่าทำได้ ราคานี้ก็อาจเป็น Good Price ที่นานน๊านนานๆ ทีจะได้เห็น แต่ถ้าคิดว่าเอาไม่อยู่ ราคาหุ้นที่ว่าถูกแล้ว มันก็อาจมีถูกกว่านี้ก็ได้
ก่อนจะจบบทความนี้ ขอทิ้งท้ายด้วยคำพูดสั้นๆ ของบัฟเฟตต์ บัฟเฟตต์เองเคยกล่าวไว้ว่า คุณสมบัติที่ดีของผู้บริหารนั้นจะต้องประกอบด้วยสามสิ่ง อันได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความฉลาด และความขยัน
"ถ้าใครไม่มีอย่างแรก สองอย่างหลังของเขาจะฆ่าคุณทั้งเป็น" นี่คือประโยคที่ปู่พูดเอาไว้ครับ
แก้ไขบทความด้วยครับ Cpall ไปซื้อ MAKROที่ราคา 787 บาทต่อหุ้น ไม่ใช่ซื้อเซเว่น
ตอบลบแบบนี้น่าจะเรียก ธรรมาภิบัติครับ
ตอบลบ