31 ตุลาคม 2558

ไม่ขาย ไม่ขาดทุน จริงหรือหลอก

ขึ้นชื่อว่าการลงทุน ย่อมไม่แปลกที่ในบางครั้งจะต้องมีทั้งการได้เงินและเสียเงิน หุ้นมันอาจจะขึ้นตามที่เราคิด หรือหุ้นอาจจะผิดทางในแบบที่เราคาดไม่ถึง ถ้าหากทำกำไรได้ นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ แต่ปัญหาคือถ้าเราซื้อหุ้นแล้วมันดันลงล่ะ เราจะถือต่อดีไหม ?

ถ้าอิงตามทฤษฎีของการลงทุนด้วยปัจจัยทางเทคนิค แน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าซื้อหุ้นทุกครั้ง นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องกำหนดจุดออกอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะขายเมื่อหลุดโลว์เดิมหรือเมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ยก็ได้ แต่ "ในบางครั้ง" ที่เราคัทลอสหุ้นออกไป หุ้นกลับขึ้นต่อได้และสูงกว่าเดิมด้วย ขายหมูไปตัวเบ้อเริ่ม และนั่นเป็นที่มาของปัญหาข้างต้นครับ "จะขายหรือจะถือต่อดี มันอาจกลับขึ้นไปสูงกว่าเดิมก็ได้นะ"

จริงอยู่ที่การขายหมูมันน่าเจ็บใจพอๆ กับติดดอย แต่ลองพิจารณาดีๆ นะครับ มันจะมีสักกี่ครั้งกันที่ขายแล้วหุ้นดันขึ้นต่อ ดีไม่ดีอาจมีแค่ 1/10 ของการคัทลอสเท่านั้นที่ราคาหุ้นดันไปต่อได้ เท่ากับว่าในการเทรดแต่ละครั้งที่ผิดทาง นักลงทุนจำเป็นต้อง Bet โอกาสที่จะไม่ขาดทุนเพียง 10% เท่านั้น อีก 90% ซึ่งเป็นโอกาสมี่จะขาดทุนที่มีความน่าจะเป็นสูงกว่ามาก มันคุ้มมากพอรึเปล่าที่เราจะเสี่ยงกับโอกาสกำไรแค่ 1 ใน 10  ขณะที่หุ้นตัวอื่นมีโอกาสทำเงินเยอะกว่ามาก




นอกจากนี้ การที่ราคาหุ้นหลุดเส้นตายที่เรากำหนดไว้แต่ดันไม่ขาย ทุกราคาต่อจากนั้นล้วนแต่เป็นราคาที่ "น่าอึดอัด" ทั้งสิ้น สมมติเข้าซื้อหุ้นตัวนึงที่ 10 บาทและจุดออกคือ 9 บาท พอถึงเวลาจริงๆ นักลงทุนผู้โชคดีคนนั้นกลับดื้อดึงไม่ขาย หากต่อมาราคามันเหลือ 8 บาท ฟันธงได้เลยว่าเขาคนนั้นก็จะไม่ขายอีกเช่นกัน เพราะราคามันลงมาลึกเกินกว่าจะรับไหว และต่อมาถ้าราคาวิ่งกลับไป 9 บาท เขาก็จะลุ้นให้มันวิ่งขึ้นต่ออีกหน่อยเช่นกัน (จะได้ขาดทุนไม่เยอะมาก) พอเห็นความหมายของคำว่าน่าอึดอัดทุกราคาแล้วรึยังครับ ?

ประเด็นสุดท้าย นักลงทุนไม่มีทางรู้ได้เลยว่าราคาจะลงไปได้ลึกแค่ไหน หุ้นลงแค่ 10% ก็ว่าเจ็บแล้ว แต่ถ้ามันลงไป 50% เหมือนที่เคยเกิดกับหุ้นหลายๆ ตัวล่ะ ? แล้วถ้านักลงทุนคนนั้นเข้าซื้อแบบตัวเดียวทั้งพอร์ต โอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับมา มันคุ้มค่าพอกับความเครียดที่เราต้องจ่ายหรือเปล่า ?

จริงอยู่ครับ ไม่ขาย ไม่ขาดทุน แต่ถ้าทำหลายๆ ครั้ง อาจไม่เหลือเงินไว้ให้ขาดทุนเลยก็ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น