ว่ากันว่าความรู้คืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดในแทบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน รวมถึงการลงทุนด้วย ใช่ครับ ผมไม่เถียงเลยว่าความรู้มีประโยชน์มหาศาลในสนามรบแห่งนี้ แต่ต้องรู้เท่าไหนถึงจะเพียงพอล่ะ ?
ก่อนอื่นเรามาพิจารณาความจริงข้อนี้กันก่อน "IQ ที่สูงไม่ได้ทำให้เป็นนักลงทุนที่ดีได้ครับ" ตอนนี้ในตลาดหุ้นบ้านเรามีนักลงทุนราวๆ 2-3 แสนคน และแน่นอนว่าหลายๆ คนในนั้นต้องมีคนฉลาดอยู่แล้ว แต่อย่างที่ทุกท่านทราบ มีนักลงทุนเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่จะอยู่รอดและทำเงินได้ และผู้อ่านเองก็อาจเคยเจอคนรอบตัวที่เป็นหมอหรือวิศวกรขาดทุนมาบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำไรจากการลงทุนไม่ได้แปรผันตรงกับ IQ สักเท่าไหร่เลย (ที่ยกตัวอย่างสองอาชีพนี้ไม่ใช่เพราะมีอคตินะครับ แต่เพราะการที่จะทำงานเหล่านี้ได้แปลว่าคนๆ นั้นจะต้องมีความฉลาดที่มากกว่าค่าเฉลี่ย)
ซึ่งนั่นถือเป็นข่าวดี เพราะเท่ากับว่าใครก็ตามที่ต้องการทำเงินจากตลาด ไม่จำเป็นจะต้องฉลาดในระดับที่ไม่อาจหาใครเทียบได้ แต่แน่นอนว่าความรู้เบื้องต้นก็ควรจะมีอยู่บ้าง อย่างเช่นพีอีคืออะไร อัตราส่วนสภาพคล่องคืออะไร Gab คืออะไร อย่างนี้เป็นต้น
แต่เมื่อเราศึกษาไปสักพัก ปัญหาที่ตามมาก็คือมันจะเริ่ม "สำลักข้อมูล" ครับ อันนั้นอันนู้นดีไปหมด ไม่รู้จะเชื่อใครหรือใช้อะไรเลือกหุ้นดี สุดท้ายก็อาจขาดทุนเพราะข้อมูลที่มากเกินไปก็ได้
สำหรับผมเอง ยอมรับตามตรงว่าผมไม่ใช่คนฉลาด แต่ผมยอมเป็นคนไม่ฉลาดที่อยู่รอดได้แบบยาวๆ ในตลาดหุ้น และต่อไปนี้คือคำแนะนำของผมที่คิดว่ามันจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านครับ
1. รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ เพื่อประหยัดเวลาและไม่ให้เราเขวได้ง่าย เราควรศึกษาและรู้ในสิ่งที่เราใช้แบบละเอียดครับ นักลงทุนคนใดลงทุนโดยเลือกหุ้นจากผู้บริหารเป็นหลัก เค้าก็จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการดูคน ไม่ว่าจะเป็นการจับโกหกเอย ดูโหงวเฮ้งเอย (เอ้า มีจริงๆ นะไม่ได้ล้อเล่น) โฟกัสในสิ่งที่เราใช้ให้มากเข้าไว้
2. บางเรื่องมันอาจเกินความจำเป็นและคาดเดาไม่ได้ เฟด "จะ" ขึ้นดอกเบี้ย, สำนักหักเหลี่ยมโหดคาดการณ์ว่าหุ้นไทยจะไป 2,222 จุด, หุ้น KUKKAI ราคาเป้าหมาย 0.02 บาท สิ่งเหล่านี้นี่เองคือข้อมูลที่อาจเกินความจำเป็นและชวนปวดหัวมาก ต่างฝ่ายต่างก็มีหลายข้อมูลและเอามาตีกันเองทั้งนั้น (ดีไม่ดีตีหัวเราแล้วหลอกเอาเงินอีกต่างหาก) รวมถึงจะมีสักกี่คนกันที่คาดการณ์อนาคตได้อย่างถูกต้องเสมอ ข้อมูลเหล่านี้บางทียิ่งรู้ก็ยิ่งไม่เข้าใจ
3. เอามาใช้ให้เป็น ข้อนี้สำคัญมาก หลายอย่างที่เราเรียนรู้มาแต่เอามาใช้ทำอะไรไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ เราอาจรู้ว่าปีนี้ GDP จะโตได้กี่เปอร์เซ็นต์ อาจรู้ว่าหุ้นตัวนี้งบการเงินมันดีมาก แต่ถ้าเราเอามาใช้ไม่เป็น ทุกอย่างก็ไม่มีความหมายครับ
ท้ายที่สุดแล้ว การที่คนๆ นึงจะสามารถทำเงินได้ มันมีอะไรที่มากกว่าความฉลาดครับ ยังมีทั้งความมั่นคงทางอารมณ์ ความอดทน ความพยายาม รวมถึงโชคด้วยในบางครั้ง หากเรามีความรู้เต็มเปี่ยม แต่พอเวลาหุ้นตกกลับสติแตก (เหมือนผม) มันก็คงยากที่จะอยู่รอดในเกมนี้
เพราะเหตุนี้เอง หุ้นจึงอาจเป็นสิ่งที่ทำเงินได้ยากที่สุด.. แต่มันก็เป็นเกมที่ให้โอกาสทุกคนชนะได้เหมือนกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น