มักจะมีคนถามผมบ่อยๆ ว่า ในการหาหุ้นเพื่อจะลงทุนสักตัว เราจำเป็นต้องติดตามข่าวมากแค่ไหน เพราะสิ่งที่ต้องยอมรับอย่างนึงก็คือ โลกในยุคปัจจุบันนั้นข่าวสารมีความรวดเร็วเท่าแสง แถมมีจำนวนมากซะด้วย ดังนั้นผมจึงตอบตรงนี้เลยว่า ข่าวมีความสำคัญอย่างแน่นอน
หากถามว่าผมตามข่าวเกี่ยวกับหุ้นมากแค่ไหน ? ก็.. ตามนะครับ เพียงแต่โดยมากผมจะตามหลังจากที่ซื้อหุ้นไปแล้ว ส่วนช่วงก่อนซื้อหุ้น มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมติดตามคืองบการเงินไตรมาสล่าสุดและสัญญาณเทคนิคอล ไม่ได้ตามข่าวเลยแม้แต่นิดเดียว
ในมุมมองส่วนตัว ผมเองเชื่อว่าข่าวนั้นเป็นเหมือนกับ Lagging Indicator ที่มันจะช้ากว่าราคาหุ้นเสมอ (เผลอๆ อาจช้ามากอีกต่างหาก) และในบางครั้งข่าวอาจเป็น "เครื่องมือ" ของใครบางคนที่ปล่อยออกมาก็ได้ สมมตินะครับ ผมมีหุ้นตัวนึงอยู่สัก 100 ล้านหุ้นและอยากระบายของออก หากจะให้ขายปกติ ราคาหุ้นจาก 100 บาทอาจไหลลงไป 70 บาทเลยก็ได้ ถ้างั้นจะขายยังไงดีล่ะ ?
ใช่แล้ว ผมก็แค่จ้างนายกุ๊กไก่เขียนข่าวสักข่าวนึงเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้น เนื้อหาก็คงประมาณว่า "บริษัท... มีแผนจะเทคโอเวอร์บริษัทหมูน้อย" หรือ "เทรนด์เปลี่ยนโลก บริษัท... คิดค้นนวัตกรรมไฟฟ้าพลังงานเดินได้แล้ว" มันเป็นข่าวดีสุดๆ ไปเลย ! และคนที่ติดตามข่าวเพื่อตัดสินใจลงทุน ก็พร้อมเฮโลกันเข้ามาซื้อหุ้นตัวนี้ จนทำให้ผมขายออกไปได้อย่างสบายๆ นี่คือข้อเสียของการตามข่าวมากเกินไป เพราะเราจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นได้
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าเราซื้อหุ้นแล้วไม่มีข่าวอะไรเลย ผมว่านั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีนะ อย่างน้อยๆ เราก็รู็ว่าถ้าซื้อตอนไม่มีใครสนใจ เราจะได้ราคาต่ำ และไม่ต้องไปไล่ราคาสูงๆ เหมือนคนอื่นด้วย
เหตุผลอีกอย่างที่ผมไม่ตามข่าวหุ้นสักเท่าไหร่ นั่นคือหลายๆ ข่าวมันตีกันมั่วไปหมด บางสำนักข่าวอาจบอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตขึ้น 3% แต่อีกสำนักอาจจะบอกว่าประเทศไทยคงยากที่จะฟื้นตัว ถ้าเราใช้การฟังข่าวเป็นหลักเพื่อตัดสินใจลงทุน ไม่แน่เราอาจไม่ได้ซื้อหุ้นเลยก็ได้
แต่การตามข่าวมันจะมีประโยชน์ตรงที่.. เมื่อเราซื้อหุ้นไว้แล้วนั่นแหละครับ เพราะหลังจากที่ข่าวออก ราคาหุ้นมักจะวิ่งไปสูงกว่าเดิม (บางครั้งอาจจะวิ่งอย่างบ้าคลั่ง) เพียงแต่นั่นอาจหมายถึงหุ้นกำลังจะหมดรอบแล้วก็ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงทุกตัวนะครับ มีกรณีนึงที่เกิดขึ้นกับหุ้น TFD เมื่อปี 2012 หลายๆ คนมองว่าตอนที่หุ้นตัวนี้วิ่งจาก 1 บาทไป 2 บาท มันเป็นอะไรที่สะท้อนข่าวออกมาหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันวิ่งไปถึง 16 บาทได้อย่างง่ายดาย
ถ้าอย่างนั้นมีข่าวอะไรที่เราจะเชื่อถือและเอามาลงทุนได้บ้าง ? สำหรับคนที่ Conservative พอสมควร ผมจะแนะนำให้ตามข่าวเพียงแค่งบการเงินก็พอ เพราะนี่มันคือ Fact จริงๆ ที่ไวต่อราคาหุ้นมากที่สุดและไม่มีอนาคตอันไม่แน่นอนมาเจือปน แต่ถ้าเราเน้นลงทุนแบบหวังผลพอสมควร เราก็อาจจะต้องเลือกตามข่าวที่เป็นอนาคตของกิจการบ้าง เช่นโครงการใหม่ ลูกค้าใหม่ หากเรามีฝีมือเลือกข่าวได้ดีพอ เราก็จะได้หุ้นที่ต้นทุนต่ำกว่าคนอื่น เพราะเราซื้อตอนที่คนอื่นยังไม่รู้ จริงมั้ยครับ ?
ทั้งหมดนี้ล่ะคือข้อดีและข้อเสียของการตามข่าว แต่อย่าลืมข้อควรระวังที่สำคัญที่สุด เรื่องราวทุกเรื่องมีการเติมแต่งได้เสมอ
โดยเฉพาะข่าวตามไลน์ทั้งหลายนั่นแหละ :P
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น