คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมัยนี้ใครๆ ก็ขยันกันอย่างเอาเป็นเอาตายมากขึ้น แม้กระทั่งเด็กอนุบาลบางที่ยังมีติวสอนพิเศษเข้าโรงเรียนประถมด้วยซ้ำ ไล่ไปถึงผู้ใหญ่ที่ต้องขยันเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าหรือดีกว่า แม้มันจะลำบากแค่ไหน แต่ผลตอบแทนที่ได้มันก็ทำให้เราลืมเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ความยิ่งใหญ่ และแน่นอนรวมถึงเงินทองที่มากขึ้นอีกด้วย
จึงไม่แปลกที่ใครๆ ก็ขยันกันแทบทุกลมหายใจเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ แล้วคนขี้เกียจล่ะ ? ก็ถูกมองว่าเป็นพวกคนไม่เอาถ่านน่ะสิ !
แต่การขยันและมุมานะเหมือนคนอื่น มันเป็นสิ่งที่ดีพอและจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าเหนื่อยเสมอเลยงั้นเหรอ ?
เมื่อวานนี้ตอนที่ผมยังอยู่ค่ายของมหาวิทยาลัย ผมได้อ่านหนังสือเล่มนึงที่ชื่อว่า "วิธีรับมือกับตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ" โดยมีตอนนึงของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่สามารถจัดการกับ "ตัวเขมือบความตั้งใจ" ได้อย่างอยู่หมัด ไม่ขี้เกียจ ไม่เศร้า ไม่ทำอะไรที่ไร้สาระ ตั้งใจทำงานตลอดเวลา ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูง แต่ตอนจบของเรื่องคือชายคนนี้ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม
เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น ? สั้นๆ ครับ เค้าขยันเกินไปไง !
แต่นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ เราขยัน เรารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เรารู้ว่าการจะไปสู่เป้าหมายได้เราต้องโฟกัสและทำมันอย่างบ้าคลั่ง แต่เราลืมอะไรไปรึเปล่า ? ความสุขระหว่างทางมันไปไหน ความสุขในการเป็นคนที่ได้ทำอะไรตามใจตัวเองมันหายไปไหน คนนะครับไม่ใช่เครื่องจักร ขยันจนสำเร็จแต่เสียความเป็นคนไปนี่ ผมว่ามันก็ไม่คุ้มเหมือนกันนะ
หรือแม้แต่เรื่องอย่างการลงทุนก็ตาม บางคนใช้ชีวิตทั้งชีวิตทุ่มเทอยู่กับการเทรด โดยไม่สนสิ่งต่างๆ แม้กระทั่งครอบครัว สุดท้ายแม้เราจะทำเงินได้มากก็จริง แต่สิ่งที่เราเสียไปมันเป็นราคาที่แพงมากเช่นกัน และไม่แน่เราอาจจะขาดทุนด้วยซ้ำ
ทุกๆ เรื่องมันคือการ Balance เราเองต้องจัดสมดุลให้ได้ว่าแต่ละช่วงเวลาควรจะทำตัวยังไง แต่ก่อนแฟนผมบ่นประจำว่าจะจริงจังกับชีวิตตัวเองไปไหน ? ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจหรอก แต่พอมองย้อนจากตรงนี้มันก็จริงนะ เวลางานก็ลุยให้เต็มที่ แต่พอถึงเวลาพักผ่อนก็ต้องเล่นให้เต็มที่เช่นกัน (ตอนอยู่กับแฟนผมเองก็จะเป็นคนที่ "มุ้งมิ้ง" สุดๆ ไปเลย)
การประสบความสำเร็จแต่ต้องสูญเสียหลายสิ่งมันคงไม่คุ้มเท่าไหร่ อย่าเอาแต่ขยันจนลืมขี้เกียจนะครับ (:
ปล. ว่าแล้วผมก็ขี้เกียจเขียนบทความต่อไป 555+
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น