แต่ถ้าถามว่าอะไรที่มีประโยชน์มากที่สุดในหนังสือเล่มนั้น ผมว่ามีอยู่สองอย่างนะครับ
1) เรื่องการใช้กำไรรายไตรมาสในการคำนวณ หุ้นทุกตัวจะขึ้นได้ถ้าหากมีงบมายืนยัน ซึ่งในแบบของ CANSLIM จะใช้กำไรของไตรมาสล่าสุด เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เช่น สมมติผมเจอหุ้น AJD ราคาอยู่ที่ 2 บาท ในวันที่ 3 เมษายน 2558 งบการเงินที่ผมจะต้องดูก็คือ งบไตรมาส 4/57 เทียบกับไตรมาส 4/56 ว่ากำไรสุทธิมากกว่ากันเท่าไหร่
ถ้าหากสมมติ 4/57 อยู่ที่ 100 ล้าน แต่ 4/56 อยู่ที่เพียง 50 ล้าน หุ้น AJD จะน่าซื้อมากเพราะมันมีงบมารองรับ (ย้ำ ! นี่คือเรื่องสมมติ)
แต่บางคนอาจสงสัยว่า ปกติแล้วงบมันจะออกมาแค่ไตรมาส 1, 2 และ 3 ส่วนไตรมาส 4 มันคืองบปีนี่นา ? วิธีการหาเฉพาะกำไรของไตรมาส 4 ก็ง่ายๆ ครับ แค่เอากำไรทั้งปีนั้น มาลบด้วยกำไร 3 ไตรมาสที่ผ่านมารวมกัน ก็แค่นั้นเอง
ข้อสังเกตอีกอย่างนึงสำหรับเรื่องของการดูงบก็คือ ตลาดไม่ค่อยสนเท่าไหร่ครับว่ากำไรนั้นเป็นกำไรปกติหรือกำไรพิเศษ ขอแค่มีกำไรเพิ่มขึ้นแบบผิดหูผิดตา ราคาก็พร้อมจะไปต่อ แต่นั่นคือส่วนใหญ่นะครับ ไม่ใช่ทุกตัว
2) การดู Volume ในภาพ Week ปกติแล้วผมเองไม่ค่อยดูวอลุ่มเท่าไหร่เพราะผมดูไม่เป็น 555+ แต่ในหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายอย่างง่ายดายว่า ให้ใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์ในการวิเคราะห์
วิธีการดูก็ไม่มีอะไรมากครับ แท่งราคาที่เราซื้อควรจะมีวอลุ่มที่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย ที่สำคัญก็คือ ยิ่งมากยิ่งดี จริงๆ นะ หากลองไป Back Test ดู หุ้นหลายๆ ตัวที่มี Volume ในแท่งที่เหมาะแก่การเข้าซื้อแบบสูงมากๆ (สูงเป็นประวัติการณ์ได้ยิ่งดี) ราคาจะไปได้แรงและเร็ว
นี่แหละครับคือสิ่งสำคัญสุดๆ ที่ผมค้นพบจากในหนังสือ How To Make Money In Stock ที่เหลือต้องอ่านเองนะครับแฟนเพจผู้น่ารัก :P
**หมายเหตุ 1 : ลิ้งสำหรับโหลดงบการเงินทุกไตรมาส http://market.sec.or.th/public/idisc/FinancialStatement.aspx?lang=th&reportcode=PP06
**หมายเหตุ 2 : การดูเส้นค่าเฉลี่ยของวอลุ่ม (VOLMA) ผมเองดูจากในเว็บ http://chart.investor.co.th/ และอีกที่นึงคือ efinance ครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น