30 เมษายน 2558

เล่นหุ้นอย่าเยอะ !

เวลาที่เราจะซื้อหุ้นแต่ละครั้ง เราก็ต้องมานั่งคิดใช่มั้ยครับว่าเราจะหาหุ้นยังไงดี ? บางคนอาจถนัดการเลือกหุ้นด้วยพื้นฐาน บางคนอาจถนัดการดูกราฟ หรืออาจถนัดทั้งสองอย่าง ก็เป็นวิธีการของใครของมัน แต่ปลายทางที่ทุกๆ คนต้องการ มันก็คือ "กำไร"

ทีนี้ปัญหามีอยู่ว่า ถึงเราจะเลือกแนวทางของเราเองได้ว่าเราอยากอ่านงบหรืออ่านกราฟ แต่ในแต่ละแนวทางมันก็มีเครื่องมือยิบย่อยไปอีก ลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูอะไรดีล่ะ ? งบการเงิน ! แล้วงบส่วนไหน ? ดู D/E Ratio มั้ย หรือต้องดูงบกระแสเงินสดด้วย แล้วผู้บริหารจำเป็นมั้ยล่ะ ?? และอีกสารพัดปัญหาเกินกว่าจะนึกออก



ในฟากฝั่งเทคนิคก็ไม่แพ้กัน จะใช้อินดิเคเตอร์ตัวไหนดี RSI ดีมั้ย ? หรือจะเอาเครื่องมือง่ายๆ อย่าง EMA เฮ้ยแต่มันง่ายไปนะ เอาไฟโบน่าจะดีกว่า... ไม่ๆ ยากไป เอากลางๆ อย่าง MACD ละกัน แต่เราเจอสัญญาณหลอกบ่อยนะ เอาอะไรมาประกอบดี

พระเจ้าช่วยยย ไม่ล่งไม่เล่นมันแล้วหุ้นเนี่ย จะเยอะไปไหน
ครับ นี่ขนาดแค่การเลือกเครื่องมือต่างๆ นะเรายังปวดหัวเลย ผมถึงบอกไงว่าการทำกำไรจากหุ้นมันยากกว่าที่เราคิด 555+ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนครับ ตอนนี้ปัญหาที่เราเจอก็คือ เครื่องมือหลายๆ อย่างมันดีไปหมดเลยอ่ะ เลือกใช้ไม่ถูก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้อะไรดี และคำตอบสุดคลาสสิคที่หลายๆ คนมักจะเป็นก็คือ ใช้มันให้หมด (แม่ง) ทุกอย่างแล้วกัน !

ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ สมมติผมใช้งบการเงินในการคัดเลือกหุ้นและงัดทุกตำราที่อ่านมาใช้ อืม.. หุ้นที่เราจะซื้อมันต้องมี DE ต่ำกว่า 1 นะ, ROE ต้องเกิน 15% ย้อนหลัง 10 ปี, Quick Current Ratio ต้องเกิน 1 อ่าฮะ ! เจอซะทีหุ้นในดวงใจ แต่ดั๊นไปติดที่ว่ามันขัดกับ "หลักการ" อีกข้อที่ว่า ถ้าผู้บริหารถือหุ้นน้อยก็ไม่ควรเข้าซื้อ.. ถ้างั้นเราไม่ซื้อหุ้นตัวนี้แล้วกัน มันไม่เป๊ะ และหลังจากนั้นหุ้นก็อาจไปสักประมาณ 5 เด้งให้เราช้ำเล่น



ผมไม่ได้โฆษณาหนังสือพี่ป้อมเลย.. จริงๆ นะ :P

หรือถ้าเราอาศัยกราฟในการคัดเลือกหุ้น บางคนอาจใช้ทุกเครื่องมือที่ใครๆ ก็บอกว่าดี ใช้ทั้ง RSI, MACD, Fibonacci, EMA, Trend Line ฯลฯ จนบางครั้งพอเปิดโปรแกรมดูหุ้น เห็นราคานิดเดียว ที่เหลืออินดิเคเตอร์ทั้งนั้น (มีอาจารย์ที่ผมเคารพเคยพูดขำๆ ว่า หากมีใครสักคนใช้เครื่องมือเต็มหน้าจนแทบไม่เห็นแท่งเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะเทพมากก็คงมือใหม่มากจนไม่รู้จะใช้อะไร) แม้เครื่องมือเหล่านั้นมันจะดีจริง แต่มันดีคนละแบบครับ พอของดีหลายอย่างมารวมกันมันก็ตีกันสิ สุดท้ายเราก็พลาดไม่ได้ซื้อหุ้น

ที่ผมจะบอกก็คือ อะไรบางอย่างที่มันเยอะเกินไปมันก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้นแหละ (อาจจะยกเว้นแค่สองอย่างคือหน้าตาดีเกินไปกับรวยเกินไป :P) ผมว่าบางครั้งการที่เราเข้าไปในสนามรบพร้อมกับกระเป๋าวิเศษของโดเรม่อนที่มีทุกเครื่องมือแต่เราไม่ชำนาญสักอย่าง อาจจะไม่สามารถเอาชนะอีกคนนึงที่มีแค่มีดสั้นแต่ฝึกมันอย่างคล่องแคล่วก็ได้นะ 

อ้ออีกเรื่องนึง คำว่าเยอะในที่นี้ผมยังหมายถึงการดูอะไรบางอย่างที่แปลกกว่าคนทั่วไปด้วยนะครับ ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ คนส่วนมากอาจเห็นว่าราคายืนเหนือ EMA50 ได้มันต้องไปต่อ แต่มีคนๆ นึงดั๊นเถียงตลาดว่า TF 15 นาทียังไม่สวยเลย มันต้องลงต่อแน่ๆ แต่เราก็รู้กันอยู่ว่าผลลัพธ์ของการเถียงตลาดมันเป็นยังไง

เข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ "อย่าเยอะ !"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น