เมื่อวานหลังจากที่ผมกลับจากการทำงานที่ Stock2Morrow ตอนสี่ทุ่ม ผมเองก็ยังไม่ได้กลับบ้านจริงๆ จังๆ หรอกครับ เผอิญพ่อผมไปนั่งกินข้าวที่บ้านเพื่อน (กินเหล้านั่นแหละ) ผมจึงนั่งรถไปหาพ่อแทนเพื่อที่จะติดรถกลับเข้าบ้านพร้อมกัน
หลังจากที่ผมมาเจอพ่อกับเพื่อนๆ ของพ่อ มีน้าคนนึงที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กมากๆ ถามคำถามขึ้นกลางวงเหล้าเลยว่า "ต้น เองพอจะรู้จักครูที่โรงเรียน XXX บ้างมะ"
"พอรู้จักแต่ไม่สนิทมากครับ ทำไมเหรอครับ ?" ผมถามกลับ
"อ๋อ พอดีมีญาติน้าคนนึงเค้ามีลูกน่ะ เกรดแค่ 3.7 แต่อยากเข้าโรงเรียนนี้มาก พอจะช่วยได้บ้างมั้ย"
ความหมายง่ายๆ ของประโยคนี้ก็คือต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อที่จะได้เข้านั่นเอง ถ้าภาษาแบบสุภาพเราจะเรียกว่า "ค่าบำรุงการศึกษา" แต่ความจริงแล้วมันก็คือแป๊ะเจี๊ยะดีๆ นั่นแหละ !
ทำไมต้องให้แป๊ะเจี๊ยะโรงเรียนด้วย ? แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของผู้ปกครองคือต้องการให้ลูกหลานได้เข้าโรงเรียนดีๆ (แม้จะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องก็ตาม) รวมถึงค่านิยมของคนเองด้วยว่าการได้เรียนในโรงเรียนดีๆ จบออกมาก็จะได้งานดีๆ และประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
แต่ชีวิตจริงมันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?
มากันที่ประเด็นแรกของแป๊ะเจี๊ยะกันก่อน สมมติว่าผมมีลูกชื่อด.ช.ถุงแตกและต้องการให้เข้าโรงเรียนมัธยมไก่จ๋าที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด ถ้าอยากเข้าต้องทำไงล่ะ ? ผมก็แค่พาลูกชายไปสอบตามปกติ
โดยกติกาง่ายๆ ของโรงเรียนก็คือ ต้องสอบให้ได้คะแนนเกิน 100 คะแนนเท่านั้นจึงจะได้เรียน ดูง่ายๆ แฟร์ๆ ดี ยังไม่มีอะไรผิดปกติใช่มั้ยครับ
แต่ทันทีที่ผลสอบประกาศออกมาว่าด.ช.ถุงแตกได้คะแนน 95 คะแนน ขั้นตอนการทำเงินของโรงเรียนไก่จ๋าก็จะเริ่มตรงนี้ล่ะครับ ผมก็แค่จ่ายคะแนนละ 10,000 บาทแค่นั้นเอง !
แต่เรทนี้ก็ขึ้นอยู่กับความดังของสถานศึกษาเองด้วย ถ้าผมอยากให้ลูกชายได้คะแนน 105 คะแนน ผมก็แค่ให้ค่าบำรุงไป 100,000 บาท คะแนนสอบของเด็กน้อยก็จะเพิ่มขึ้นทันทีราวกับมีเวทมนต์ยังไงยังงั้น
โห ถ้างั้นเท่ากับว่าคนไหนที่บ้านรวยมากกว่าก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นสิ ตอบแบบโลกไม่สวยคือจริง ผู้ปกครองบางคนที่ไม่มีเงินอาจถึงขั้นไปกู้มาจ่ายเลยก็ได้
แต่ทันทีที่เด็กคนนั้นจบม.ต้นและต้องสอบคัดเลือกอีกครั้งเพื่อเรียนม.ปลายที่เดิม คราวนี้ล่ะครับที่โรงเรียนจะไม่รับเงินใดๆ (เป็นคนดีซะอย่างนั้น) แล้วก็ไล่เด็กออกไปที่อื่น เท่ากับว่าที่เราจ่ายเป็นแสนในตอนแรกก็ไร้ค่าไปในทันที ผมจึงไม่แนะนำให้ใครจ่ายแป๊ะเจี๊ยะเด็ดขาดเพราะจ่ายไปก็เสียเปล่า
เหตุผลอีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ผมสงสัย "โคตรๆ" เลยว่าทำไมผู้ใหญ่ส่วนมากอยากให้เด็กเข้าสถาบันมีชื่อหรือคณะดีๆ มันมีอะไรรับประกันงั้นเหรอว่าการที่ผมเข้าโรงเรียนที่ดีที่สุดจะทำให้ผมร่ำรวยได้ ผมว่าไม่มีนะ
คนประสบความสำเร็จหลายคนที่ผมรู้จักเค้าไม่ได้จบโรงเรียนชื่อดังอะไรเลย บางคนอาจเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ผมไม่ได้หมายความว่าคนที่เรียนในโรงเรียนดังๆ ไม่ดีนะครับ คนจบสถาบันมีชื่อแล้วได้ดีก็มีเยอะมากเช่นกัน แต่มันไม่มีอะไรมาการันตีเลยว่าชื่อสถาบันจะทำให้เรารุ่งเรืองได้หลังเรียนจบ
แล้วลองคิดดูเล่นๆ ว่า หากเรายัดเงินให้ลูกเราเข้าเรียน ลูกเราจะคิดยังไงครับ เค้าก็คงคิดว่าการยัดเงินเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาส และพอเค้ามีลูก มันก็เป็นนิสัยเสียที่ถูกส่งต่อไปอีก ถึงจะประสบความสำเร็จได้แต่มันก็มาจากการโกง เราภูมิใจเหรอ ?
ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะช่วงนี้เป็นเทศกาลของการสอบเข้าด้วยแหละครับ ผมเข้าใจว่ามันเครียดแค่ไหนถ้าเรา (หรือลูกหลานเรา) ไม่ได้เข้าเรียนในสถาบันที่อยากเข้า ผมเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน
แต่ถ้าสอบไม่ติดก็ไม่เห็นเสียหายนี่ครับ เพราะอนาคตของคนๆ นึงที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่เรียนหรือเกรดที่ได้สักหน่อยนะ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น