ทำไมนักลงทุนส่วนใหญ่ถึงเจ๊ง 80%, กำไรพอเพียง 19% และ 1% เท่านั้นที่รวยสุดๆ ทั้งที่ในปีที่ผ่านมาหุ้นขึ้นตลอด แต่คนขาดทุนเพราะซื้อหุ้น “ผิดตัว” และ “ผิดเวลา”
ถ้าต้องการเสถียรภาพในการทำกำไรในระยะยาวทำยังไง ?
ควรลงทุนด้วยการลงทุนแบบนักธุรกิจหุ้น คือการมองหุ้นเสมือนเป็นกิจการหนึ่งที่เราต้องติดตาม และเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม หรือซื้อในราคาที่แพงกว่าอีกเล็กน้อยได้ถ้ากิจการนั้นดีจริง
ในพอร์ตของนักลงทุนทุกคนควรจะมีหุ้นที่ลงทุนในลักษณะนี้อย่างน้อยตัวหรือสองตัว เมื่อเวลาผ่านไปนานพอผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่า ส่วนวิธีการลงทุนแบบนักธุรกิจหุ้นก็คือ อ่าน 56-1, อ่าน Annual Report หรือไม่ก็บทวิเคราะห์ และลองตั้งเป้าหมายต่างจากคนอื่น
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดมักจะถามว่า “ซื้อหุ้นตัวนี้จะได้กำไรเท่าไหร่” แต่ไม่มีใครเลยที่ถามว่า “โอกาสขาดทุนคือเท่าไหร่”
ดังนั้นเราต้องลงทุนเสมือนว่าเราอาจจะขาดทุน เพราะหากเรารู้ตัวเสมอว่ามีความเสี่ยง เราจะถามคำถามเยอะมาก กำไรโตมั้ย ยอดขายเท่าไหร่ คู่แข่งเป็นยังไง ฯลฯ
สาเหตุที่การลงทุนระยะยาวมีความปลอดภัยมากกว่า (ในมุมมองของวิทยากร) ก็เพราะว่าในระยะสั้น ราคาหุ้นสามารถทำราคาได้ง่าย แค่มีทีมสัก 3-4 คนก็ปั่นหุ้นได้สบายๆ
แต่การลงทุนระยะยาว สิ่งที่เรียกว่า “ความจริง” นั้นเป็นสิ่งที่ลวงกันยาก และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล จึงมีความแน่นอนมากกว่า
ในเรื่องของจังหวะเวลาการลงทุน หากเป็นสถานการณ์ที่ดัชนีปกติ การลงทุนในหุ้น Growth Stock คือการลงทุนที่ดี (แต่ไม่ใช่หุ้น Turn Around เพราะมันยังมีกลิ่นของความเสี่ยง)
แต่ถ้าเป็นช่วงวิกฤติ ให้ลงทุนในหุ้นคุณค่า เช่นพวกเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมต่างๆ จะได้ผลตอบแทนที่สูงและมั่นคงด้วย
ขนาดพอร์ตมีผลแค่ไหน
ถ้าหากวิธีการลงทุนที่ดีจริง พอร์ตแค่ไหนก็ใช่ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วพอร์ตที่เล็กจะได้เปรียบพอร์ตใหญ่ เพราะสามารถเล่นสไตล์ไหนก็ได้ คนมีพอร์ตการลงทุน 100,000 บาท สามารถซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องไม่มากได้โดยที่ไม่มีใครรู้
แต่ถ้ามีพอร์ตการลงทุนสัก 1,000 ล้านบาท ซื้อนิดๆ หน่อยๆ คนก็เห็นและพร้อมใจกันซื้อตามจนราคาสูงขึ้น นี่คือข้อเสียเปรียบของคนพอร์ตใหญ่ (เวลาขายก็เช่นกัน ต้องใช้เวลาขายนานกว่าจะหมด)
ปัญหาอีกอย่างนึงของนักลงทุนทั่วไปก็คือ มักจะกินกำไรคำเล็กๆ กำไร 10-30% ก็ขาย ซึ่งทางวิทยากรเองได้แนะนำว่าอย่าเสพติดกำไรคำเล็ก แต่ให้เน้นกินคำใหญ่ เพราะเหนื่อยเท่ากันแต่ผลตอบแทนมันคุ้มกว่ากันเยอะ
“นักลงทุนทั่วไป มักจะเรียนรู้ความผิดพลาดของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่
แต่นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ จะเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง”
มุมมองปี 58
ปีนี้จะเงียบ กิจการยังไม่กล้าใช้เงินมาก กลัวกันหมด แต่เม็ดเงินในการซื้อหุ้นยังมีอยู่ เพราะดอกเบี้ยนโยบายยังปรับลดลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าคนจะหนีจากการเอาเงินฝากแบงค์มาลงทุนในหุ้นกันหมด (เพราะถ้าเป็นการลงทุนแบบอื่นๆ เช่นทิ่ดิน หรือการทำธุรกิจเอง มันยุ่งยากกว่า) แต่ต้องระวังเพราะคนกลุ่มนี้แหละที่เวลาเกิด Panic จะเทขายก่อนเพื่อน เพราะรับความเสี่ยงได้ไม่มาก
Sector อะไรน่าสนใจ
มีสามอุตสาหกรรมได้แก่ วัสดุก่อสร้าง, รับเหมา และคอนโดตามรถไฟฟ้า แต่ราคาหุ้นคืออีกเรื่องนึง ราคาแพงไปก็ไม่ดี
ความผิดพลาดของคุณเคน โสรัตน์ วณิชวรากิจ (วิทยากร)
1) ลงทุนในหุ้น IPO
2) โลภเกินไป
3) ตามสิ่งเร้าต่างๆ ที่เข้ามากระทบ
4) เชื่อในสิ่งที่ดีเกินไป ดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้
“ความผิดพลาดจะเกิดขึ้น เมื่อไม่แก้ไขความผิดพลาด”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น