12 มีนาคม 2558

นักลงทุนตัวจริง "ไม่ดู" อะไร ?

เมื่อวานซืนก่อนโน้น ผมได้คุยกับพี่ๆ ในกรุ๊ปไลน์หุ้นกลุ่มนึง สิ่งที่พวกเราคุยกันในวันนั้นไม่ใช่การหาหุ้นซิ่งตัวต่อไปเหมือนกรุ๊ปไลน์อื่นๆ ครับ แต่เรื่องที่เราคุยกันมันมาจากคำถามเชิงทีเล่นทีจริงที่ว่า "นักลงทุนพื้นฐานชั้นเซียนเค้า 'ไม่ดู' อะไร"

คนที่ถามคำถามนี้เป็นแอดมินเพจชื่อดังเพจนึงเลยนะ ผมก็งงสิ ปกติแล้วนักลงทุนสายพื้นฐานจะดูอะไรและไม่ดูอะไรบ้างล่ะ ? ที่แน่ๆ สิ่งที่ดูก็คืองบการเงิน ผู้บริหาร ลักษณะธุรกิจ และอื่นๆ แต่สิ่งที่ไม่ดูเหรอ อืม.. ก็คงเป็นราคาหุ้นมั้งที่อาจจะไม่ดูสักเท่าไหร่

แต่ผิดคาดครับ "งบการเงิน" นั่นแหละคือสิ่งที่นักลงทุนตัวจริงให้ความสำคัญน้อยที่สุด !




น่าคิดนะว่าทำไมสิ่งที่นักลงทุนเกือบทุกคนต้องดูมันกลับเป็นสิ่งที่เซียนๆ ทั้งหลายไม่ให้ความสนใจ พี่คนที่ถามคำถามเค้าอธิบายเหตุผลง่ายๆ เพียงข้อเดียว นั่นคืองบการเงินมันเป็นเรื่องของ "อดีต"

แต่เราใช้อดีตมาทำนายอนาคตได้ไม่ใช่เหรอ เพราะมีคนจำนวนมากที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีงบการเงินตามตำรา แล้วได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจซะด้วย (ตามตำราที่ว่านี้คือ ROE สูง ROA สูง อะไรทำนองนี้) ซึ่งผมเองไม่เถียงครับว่ามันให้ผลตอบแทนสูง 3-4 เท่าก็จริง แต่เวลาที่เราเสียไปกับการถือหุ้นมันอาจเกือบสิบปีเลยก็ได้ ขณะที่เซียนตัวจริงอาจทำผลตอบแทนได้ 10 เด้งในเวลา 5 ปี

ถ้างั้นเหล่าปรมาจารย์ที่ผมพูดถึงเค้าดูอะไร ? 


สำหรับข้อมูลในการลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานมันจะแบ่งเป็นสองหมวดใหญ่ๆ คือเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ถูกมั้ยครับ ซึ่งเจ้างบการเงินหรืออัตราส่วนทางการเงินต่างๆ มันอยู่ในส่วนของข้อมูลเชิงปริมาณ ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนชั้นยอดเค้าให้ความสำคัญมากกว่างบการเงินเป็นไหนๆ มันคือเรื่องของข้อมูลที่จับต้องไม่ได้

อย่างสมมติตอนที่ Apple หรือกิจการ Start up ทั้งหลายเพิ่งเริ่มต้น หากเราไปดูงบการเงินเราจะเห็นอะไรบ้าง ? ผมว่าคงเจอกับงบที่เน่ามากๆ งบนึง หรือดีไม่ดีอาจไม่มีงบการเงินให้ดูด้วยซ้ำไป หากใครสักคนต้องการลงทุนกับกิจการที่สดใหม่เหล่านี้ก็จะมีแต่ความไม่แน่นอนล้วนๆ




และสิ่งเดียวที่พอจะวิเคราะห์ได้ นั่นก็คือตัวผู้บริหารนั่นเอง (ชอบรูปประกอบนี้จังเลย 555)

เมื่อก่อนผมไม่เคยให้ความสำคัญเท่าไหร่กับผู้บริหารนะ ผมคิดแค่ว่าถ้าบริษัทมันดีทุกอย่างจริงๆ ต่อให้มีคนไร้ฝีมือมาบริหารมันก็จะเดินต่อไปได้ (แนวคิดนี้มาจากบัฟเฟตต์หรือเกรแฮมไม่แน่ใจเหมือนกัน) แต่ผมมาฉุกคิดได้เพราะมาคิดถึงเรื่องราวของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่ตอนแรกยังมีออฟฟิศอยู่ในโรงรถนั่นแหละ

เพราะการที่ธุรกิจนึงที่เพิ่งก่อตั้งจะประสบความสำเร็จ มันไม่ได้มาจากตัวเลข ROE สูงๆ หรือ D/E ต่ำๆ แต่มันมาจากฝีมือและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารล้วนๆ เลยครับ ลองไปหาดูก็ได้เพราะบริษัทที่ดังๆ เกือบทุกบริษัทต่างก็มีผู้ก่อตั้งที่เป็น "ยอดมนุษย์" ทั้งนั้น

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นก็เหมือนกัน แม้บริษัทที่จดทะเบียนจะเป็นอะไรที่ไม่เล็กเท่าไหร่แล้ว (อย่างน้อยก็ไม่ได้มีสำนักงานในโรงรถ) แต่เรื่องการดูผู้บริหารก็สำคัญอยู่ดีครับ เราจะเห็นว่าคนที่เป็นเซียนตัวจริงมักจะวิเคราะห์เจ้าของกิจการอยู่เสมอ มันคือศาสตร์ของการดูคนล้วนๆ เลย แม้มันจะยากมาก แต่ผลตอบแทนที่สามารถพลิกชีวิตได้มันก็เป็นอะไรที่น่าดึงดูดใจอยู่นะ

งั้นโยนงบการเงินทิ้งไปก็ได้สิ !? อย่าเชียวนะ ผมว่างบการเงินมันมีประโยชน์เหมือนกับ "เกรด" ของลูกเรามากกว่า สมมติคุณซื้อหุ้นบริษัทถุงยางแห่งนึงเพราะเห็นว่าผู้บริหาร (ซึ่งเป็นผมเอง) มีความคิดที่สดใหม่และเข้าใจในถุงยางอย่างดี งบการเงินนั่นเองครับที่จะเป็นตัว Support ประมาณว่า "เฮ้ ชั้นลงทุนในบริษัทนายแล้ว นายต้องบริหารให้งบมันดีขึ้นนะ" หรือถ้างบไม่ได้ดีขึ้น อย่างน้อยที่สุดผมต้องมีเหตุผลมากพอที่จะอธิบายว่าทำไมมันยังไม่ดี

และทันทีที่ผู้บริหารสามารถทำให้กิจการมีกำไรจนงบสวยได้ เหล่านักลงทุนในตลาดเกือบทั้งหมดที่ดูงบจะเป็นกลุ่มที่เฮกันเข้ามาและพูดว่า "โอ้ นั่นมันบริษัทถุงยางที่มี ROE สูงถึง 30% นี่นา ซื้อกันเถอะพวกเรา" และช่วยดันราคาหุ้นให้ไปถึงมูลค่าที่แท้จริงของมันในที่สุด

เห็นมะ ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเราอยากเป็นใครมากกว่ากันล่ะ คนที่ได้กำไรเฉลี่ย 20% ต่อปี หรืออยากได้ผลตอบแทนสัก 10 เด้งใน 5 ปี

แม้การเข้าถึงตัวผู้บริหารอาจจะยากสักหน่อยถ้าเราเป็นนักลงทุนตัวเล็กๆ แต่วัน Opp Day ก็มี วันประชุมผู้ถือหุ้นก็มี เราก็เดินดุ่มๆ เข้าไปคุยได้เลยนะ เพียงแต่ต้องถามคำถามที่เข้าท่าเท่านั้นเอง แล้วคำตอบที่เราได้นอกเหนือจากคำตอบ มันก็คือลักษณะท่าทาง ความเชื่อมัน ทุกๆ อย่างที่ผู้บริหารถ่ายทอดออกมาตอนตอบ ซึ่งผมว่าคนธรรมดาอย่างเรามันก็ดูออกได้ว่าคนๆ นั้นจะพาบริษัทเจ๋งหรือเจ๊งกันแน่

ถ้าการดูงบการเงินคือพฤติกรรมการทำตามกันอย่างหนึ่ง แล้วทฤษฎีที่ว่าสิ่งใดที่คนเชื่อมากๆ มันมักจะไม่ได้ผลคือเรื่องจริง ก็ไม่แปลกครับที่เซียนหุ้นซึ่งใช้วิธีการแบบไม่เหมือนชาวบ้านจึงประสบความสำเร็จได้อย่างถล่มทลาย

คำถามทีเล่นทีจริงคำถามเดียว มันมีอะไรที่ล้ำลึกซ่อนอยู่มากๆ เลย

ปล. อย่าถามผู้บริหารว่าทำไมหุ้นถึงลงเชียวนะ !


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น