ทำไมผมถึงบอกว่ามันใช้ฝีมือด้วย ? นั่นเพราะในการเล่นแต่ละครั้งเราสามารถกำหนดเงินที่ต้องการจะเสียได้ โดยในตอนแรกผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่คนละสองใบ หากเราดูไพ่และเห็นว่ามันน่าเล่น เราก็แค่ Bet เงินเดิมพันตามที่โต๊ะนั้นกำหนดไว้ (ที่ผมเล่นเมื่อคืนในเกมก็เล่นกันทีละ $2,000)
แต่ถ้าเราคิดว่าไพ่ไม่ดีนัก เราก็สามารถ Fold (หมอบ) และรอเล่นรอบต่อไปได้ หรือถ้าเรามั่นใจมากว่าไพ่ชั้นมันดีจริงๆ นะ เราก็สามารถ Raise (เก) เงินเพิ่มได้ด้วย ซึ่งทันทีที่ทุกคนในโต๊ะลงเงินเรียบร้อย ไพ่กองกลางจะถูกเปิดขึ้นมาก่อน 3 ใบ และตามด้วยใบที่ 4 กับ 5 แล้วหาผู้ชนะ
เรื่องรายละเอียดของการเล่นผมขอไม่เจาะลึกนักเพราะมันเยอะมาก (ไม่งั้นบทความนี้จะกลายเป็นการสอนเล่นโปกเกอร์ไปโดยปริยาย) แต่จุดที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ ในการเล่นโปรเกอร์นั้นไพ่ที่มีค่าสูงสุดคือไพ่ A หากเราเล่นไปเล่นมาจนสุดท้ายเราได้คู่ A (A หนึ่งใบในมือ และ A หนึ่งใบในกองกลาง) ในขณะที่อีกคนได้คู่ Q เราก็จะชนะเพราะไพ่เรามีค่ากว่า จึงไม่แปลกที่ในการเล่นแต่ละครั้งหากใครมีไพ่ A สักใบในมือจะกล้า Bet ด้วยเงินสูงๆ
สาเหตุที่ผมใช้ชื่อบทความว่า "กับดักของไพ่คู่ A" ไม่ใช่เพราะว่าเรามีไพ่ A หนึ่งใบในมือแล้วในกองกลางมีอีกใบนะครับ แต่ผมหมายถึงการที่ไพ่สองใบแรกที่แจกให้กับผู้เล่นทุกคน แล้วเราได้ไพ่คู่ A ทั้งๆ ที่ยังไม่เปิดกองกลางสักใบนั่นแหละ !
นั่นหมายความว่าหากเล่นกันแค่สองใบเราจะกลายเป็นผู้ชนะในทันที (เพราะแต้มเราสูงสุด) จึงไม่แปลกที่ใครก็ตามที่ได้ไพ่คู่ A มักจะกล้า Bet เยอะๆ จนถึงขั้น All-in คือเล่นหมดตัว ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เคยได้และเล่นแบบ All-in ด้วย
กับดักมันเริ่มเกิดตรงนี้ล่ะครับ คือถ้าสมมติเราทุ่มหมดตัว แล้วมีคนที่บ้าพอๆ กับเรา All-in เหมือนกัน อะไรจะเกิดขึ้น ? เราได้คู่ A ก็จริง แต่อีก 5 ใบกองกลางที่กำลังจะเปิดล่ะ หากสมมติว่าไพ่กองกลางคือ 3, 5, 5, 5, A แล้วอีกฝ่ายดันมี 5 ในมือ (เราเรียกคนที่ได้ไพ่เหมือนกัน 4 ใบว่า Four Card) เราก็หมดตัวได้ง่ายๆ ถึงแม้จะมีไพ่คู่ A อันน่าเย้ายวนก็ตาม
ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะเมื่อคืนผมก็เสียเงินเพราะไพ่นี้เช่นกัน แต่นั่นมันคือเกม ในชีวิตจริงใครจะกล้า All-in เพียงเพราะได้คู่ A ในมือ ไม่มีหรอก.. มั้ง ?
มีครับ ! ตลาดหุ้นไงเยอะแยะเลย บางทีเราอาจเห็นว่าหุ้นตัวนี้มีงบการเงินที่ผลประกอบการโตขึ้นมาก หรืออาจจะเห็นว่ามีสัญญาณทางเทคนิคที่เริ่มเป็นขาขึ้น แล้วเราก็เล่นแบบเทหมดหน้าตักเพราะเชื่อว่ายังไงราคาต้องเพิ่มขึ้น นั่นแหละครับเหมือนกับเรามีไพ่คู่ A ในมือตอนแรก แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าไพ่กองกลางอีก 5 ใบเปิดขึ้นมาหลังจากนั้น
อย่างเช่น หากผ่านไปอาทิตย์นึง ปรากฎว่าบริษัทที่เราถือหุ้นเกิดไฟไหม้จนการผลิตต้องหยุดชะงัก (เหมือนกรณีของ SVI) หรืออยู่ดีๆ สัญญาณทางเทคนิคที่เราเชื่อว่ามันจะขึ้นดันเป็นสัญญาณหลอก เราจะทำไงถ้าไพ่คู่ A ของเราดันหมดค่าหลังจากที่ไพ่กองกลางเปิดขึ้นมา ? ถ้าในเกมโปกเกอร์ คนส่วนใหญ่ก็ดึงดันจะสู้ต่อไปถึงแม้จะแพ้ครับ และในโลกของเกมการเงินก็เช่นกัน คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะดึงดันถือหุ้นต่อไปแม้จะรู้ว่าไพ่กองกลางเป็น 3, 5, 5, 5, A แล้วอีกฝ่ายมี 5 ก็ตาม
อย่าให้กับดักของไพ่คู่ A มาหลอกตาเราเด็ดขาด แม้วันนี้เราจะมีหุ้นที่ดีอยู่ในมือก็ตาม แต่ในอนาคตใครจะไปรู้ ไพ่กองกลางอาจเปิดขึ้นมาแบบพลิกล๊อคก็ได้
แถมโชคร้ายหน่อยตรงที่ไพ่กองกลางในตลาดหุ้นไม่ได้มีแค่ 5 ใบซะด้วย รีบหมอบตอนนี้เพื่อรักษาเงินต้นไว้ก็ไม่เสียหาย ตลาดไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว แต่ถ้าทุนเราหมดนี่สิ เราได้หนีออกจากตลาดตลอดไปแน่ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น