ผมคงไม่ต้องอธิบายว่าทำไมมันถึงน่ากลัว แต่ที่แน่ๆ คือถ้าเราเจอสัก 10 ครั้งติดต่อกัน มีจุด Cut Loss ก็เถอะครับ เสียทีละ 2-3% บ่อยขนาดนั้นมันก็คิดเป็นเงินที่มากโขอยู่ เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่เสียกำลังใจในการเทรดนี่สิสาหัสยิ่งกว่า
ถ้างั้นเราจะแก้ปัญหาที่ตามหลอกหลอนนี้ได้ยังไง ? อืม.. เปลี่ยนแนวทางการเทรดเหรอ ก็อาจเป็นคำตอบที่ดีนะ แต่ถ้าเราเปลี่ยนมาหลายครั้งหลายคราแล้วเรายังเจอสัญญาณหลอกบ่อยๆ ล่ะ เราจะแก้ไขยังไงได้บ้าง เพราะบางทีเปลี่ยนแนวการเทรดบ่อยไปมันอาจทำให้เราต้องเสียเวลาศึกษาอีกเยอะเลย
เมื่อก่อนผมก็เป็นเหมือนนักลงทุนทั่วไปที่ใช้เพียงแค่กราฟในไทม์เฟรมที่ตัวเองเล่น เล่นภาพ Day ก็ใช้แค่ Day ในการดูกราฟ ซึ่งตอนนั้นผมก็เจอสัญญาณหลอกเยอะเหมือนกันครับ จนมาวันนึงผมไปอ่านบทความที่พูดถึงเกี่ยวกับ "การมองภาพใหญ่"
รายละเอียดคร่าวๆ ก็คือ คนที่เทรดโดยใช้กราฟไม่ว่าจะเป็นไทม์เฟรมอะไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยควรจะมองภาพใหญ่บ้าง เพราะถึงแม้ภาพเล็กมันจะบอกให้ซื้อแต่ภาพใหญ่อยู่ในขาลงเต็มตัว โอกาสที่จะเจอสัญญาณหลอกมันสูงมาก
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ลองมาดูกราฟหุ้นของจริงกันดีกว่า เริ่มกันที่หุ้น KBANK
สมมติผมตั้งเงื่อนไขว่าผมจะซื้อเมื่อ EMA 5 ตัดขึ้น EMA 10 (เกือบลืมบอก นี่คือภาพ Week) จากแท่งกราฟที่เห็นในรูป เราจะเห็นนะครับว่าตอนนี้เส้น EMA สองเส้นเกิด Golden Cross แล้ว (คือการที่ EMA ค่าน้อยตัดขึ้นเหนือ EMA ค่ามากได้) ซึ่งนั่นส่งสัญญาณเป็นนัยแล้วว่าหุ้นกำลังจะขึ้น รีบซื้อไม่งั้นตกรถนะ !
และถ้าเราไปดูเพิ่มสักนิด เราจะพบว่าที่แท่งราคานั้นมีวอลุ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 สัปดาห์ซะอีก ขุ่นพระ ! วอลุ่มคอนเฟิร์มซะขนาดนี้ ไม่ซื้อไม่ได้แล้วจริงมะ ?
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหากเราซื้อ KBANK ที่แท่งนั้น ในราคาประมาณ 196 บาท...
มันลงต่ออย่างเมามันครับ 555+ และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ หากเราขายเมื่อเส้น EMA สองเส้นตัดลง มันจะเป็นการขายหมูที่ใหญ่พอสมควรเลย แต่ก่อนที่จะไปเสียดายเพราะขายหมู เราน่าจะมาสาเหตุกันดีกว่านะว่าทำไมเราถึงติดดอย ?
ในการเทรดครั้งนี้เราใช้กราฟ Week แสดงว่าภาพใหญ่กว่าที่เราจำเป็นต้องดูนั่นก็คือภาพ Month
สังเกตตรงแท่งที่ผมวงไว้นะครับ นั่นคือแท่งที่ 9 ของปี 2013 ในภาพ Month (เพราะในไทม์เฟรม Week เราเข้าซื้อเดือนกันยายน) จะเห็นว่าตอนนั้นราคาหุ้นอยู่ในขาลงอย่างชัดเจน แถม EMA 5 อยู่ต่ำกว่าเส้น EMA 10 ซะด้วย ! นี่ขนาดมีวอลุ่มมายืนยันแท่งราคาตอนที่เราเข้าซื้อนะเนี่ย
ตัวอย่างที่ผมยกมาให้ดูนั้นผมใช้เพียงแค่เครื่องมือง่ายๆ อย่าง EMA เท่านั้น แต่ถึงแม้เราจะใช้เครื่องมืออีกหลายตัวประกอบก็ตาม เช่นอย่างผมเองใช้ ADX แม้ในภาพ Week มันจะบอกเต็มที่ว่าหุ้นตัวนี้มีแรงนะนาย ซื้อเลยๆ แต่ถ้าในภาพ Month ยังอ่อนปวกเปียก ราคาหุ้นก็ไม่ขึ้นเหมือนกัน
ที่ผมยกมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าไทม์เฟรมที่ใหญ่กว่าจะกำหนดชะตาของหุ้นตัวนั้นได้นะครับ มีหุ้นหลายๆ ตัวที่ผม Back Test ย้อนหลังอย่าง RICH หรือ DNA มันไม่มีสัญญาณอะไรบอกเลยในภาพใหญ่ แต่หุ้นก็ดันขึ้นซะนี่ !
แต่ก็นั่นแหละ เราจะเอาอะไรมากกับตลาดหุ้น บทจะขึ้นมันก็ขึ้น บทจะลงมันก็ลงแหละเนอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น