นั่นฟังดูมีเหตุผลครับ หากเราคิดด้วยตรรกะง่ายๆ การที่หุ้นขึ้นแรงและมีโอกาสไปต่อ มันก็ควรที่จะมีแรงเงินมหาศาลเพื่อเป็นแรงส่งด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงคนส่วนใหญ่พร้อมใจกันผลักดันหุ้นตัวนั้น แต่นั่นแหละคือคำถามครับ แล้วถ้าคนส่วนใหญ่ที่ว่านั้น "คิดผิด" ล่ะ ?
ในมุมมองของผม การที่หุ้นสักตัวหนึ่งจะสามารถเป็นขาขึ้นได้ อย่างแรกที่จำเป็นต้องมีเลยก็คือ 1. ความเชื่อว่ามันจะไปต่อ และ 2. เหตุผลที่รองรับความเชื่อนั้น หากเราลงทุนโดยพิจารณาจาก Volume เพียงอย่างเดียว เราก็เพียงแค่มีความเชื่ออย่างแรงกล้า แต่ไม่ได้มีเหตุผลใดมารองรับอารมณ์ของเราเลย
อย่างในกรณีของหุ้นตัวนี้ที่ชื่อว่า TSF ผมเข้าซื้อที่ราคา 0.40 บาท ด้วยปัจจัยง่ายๆ ก็คือวอลุ่มที่สูงมาก (6,000 ล้านหุ้น) และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน แถมกราฟทำทรงสวยซะด้วยนะ
แต่อย่างที่ผมบอกไปในตอนแรก ผมเข้าซื้อด้วย "ความเชื่อ" ว่ามันจะไปต่อ แต่ไม่มี "เหตุผล" อะไรเลยมารองรับความเชื่อเหล่านั้น ท้ายที่สุดแล้วราคาหุ้นมันก็ยากที่จะไปต่อ และทำให้เราขาดทุนในที่สุด
แถมให้อีกตัวอย่างกับหุ้น AGE ในภาพ Week ครับ
สำหรับหุ้น AGE อย่างที่เราเห็นกันว่าวอลุ่มใน Week ที่เป็นสัญญาณซื้อนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 สัปดาห์ และราคาหุ้นยังสามารถยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 ได้อีกด้วย แต่ถ้าเราไปดูในส่วนของงบการเงินแล้วละก็ จะพบว่าไตรมาส 2 ของปี 57 (ตรงกับช่วงกราฟที่มีสัญญาณซื้อพอดี) บริษัท AGE มีกำไรสุทธิที่ลดลงจาก 24 ล้านบาทเหลือเพียง 10 ล้านบาท ท้ายที่สุดแล้วราคาหุ้นก็ทำได้เพียงขึ้นไปอีกนิดหน่อย แล้วก็กลับตัวลงมาในเวลาไม่นานนัก
เขียนอธิบายมาซะขนาดนี้ แต่ใช่ว่า Volume นั้นจะเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าหากหุ้นตัวใดมีสัญญาณซื้อเข้ามาและมีเหตุผลรองรับที่น่าเชื่อถือพอ วอลุ่มจะต้องมีในที่สุดครับ แต่การที่หุ้นหลายๆ ตัวนั้นมีราคาสูงขึ้นไปพร้อมกับวอลุ่ม มันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าหุ้นตัวนั้นจะต้องไปต่อ เพราะคนก็คือคนอยู่วันยันค่ำ ต่อให้หลายคนเชื่อก็ตามมันก็ยังมีโอกาสพลาดได้
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ ไม่ได้แปลว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไปนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น