กฎ 80 : 20 ที่อธิบายไว้อย่างน่าสยองขวัญเกี่ยวกับความจริงของตลาดหุ้น ว่าในนักลงทุนจำนวน 100 คนนั้น จะมี 80 คนที่รุ่งริ่ง และ 20 คนเท่านั้นที่รุ่งเรือง แน่นอนครับเราทุกคนรู้จักกฎนี้ ว่าแต่มีคนคิดบ้างรึเปล่าว่าทำไมถึงมีนักลงทุนแค่ 20% เท่านั้นที่อยู่รอดในตลาด ?
การที่จะตอบคำถามนี้ได้เราคงต้องมาวิเคราะห์กันก่อนว่า อะไร คือองค์ประกอบที่ทำให้นักลงทุนคนนึงสามารถประสบความสำเร็จได้ ที่ผมนึกออกนะครับ อย่างแรกคือความรู้ นี่ล่ะคือสิ่งที่ต้องมีแน่ๆ ส่วนอย่างที่สองก็คือประสบการณ์ และอย่างที่สามก็คงหนีไม่พ้น Mind Set เป็นแน่แท้
แต่ถ้าเรามองสามข้อนี้มันก็ยังน่าสงสัยอยู่ดีนั่นแหละ ผมเชื่อนะว่า 20% ที่อยู่รอดในตลาดมีคุณสมบัติครบทั้งหมด แต่เพราะอะไรล่ะ ทำไมถึงมีเพียง 5% เท่านั้นที่สามารถกลายเป็น "ดร.นิเวศน์" คนต่อไป
แม้ผมเองจะเชื่ออย่างสุดใจว่าโชคชะตาไม่อาจเอาชนะความมานะของคนได้ แต่ผมเริ่มมาฉุกคิดว่าความมานะอย่างเดียวคงไม่พอก็ตอนที่ผม Back Test หุ้นนี่แหละครับ
อธิบายก่อนว่าระบบเทรดที่ผมใช้นั้นจะเป็นการเอาทั้ง "งบการเงิน" และ "กราฟ" มาประยุกต์ร่วมกันและเทรดด้วยกราฟ Week หลังจากที่ทดสอบกับหุ้นย้อนหลังราว 10 ปี เป็นจำนวนประมาณ 200 กว่าตัว ผลลัพธ์ที่ได้นั้นค่อนข้างน่าพอใจครับ หุ้นบางตัวนั้นให้ผลกำไรสูงถึง 1,000% พร้อมกับ Winning Chance กว่าร้อยละ 90
ถึงมันจะดีขนาดนั้นก็ตาม ปัญหามันอยู่ตรง 10% ซึ่งเป็นโอกาสขาดทุนนั่นล่ะ แม้โดยเฉลี่ยแล้วการขาดทุนต่อครั้งจะอยู่ที่ราว 5% (มากสุดคือ 10) ซึ่งนั่นถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับโอกาสในการทำเงิน แต่ผมก็ยังนั่งคิดนะ ว่าจะไม่มีเครื่องมืออะไรบ้างเลยเหรอที่จะปิดประตูความเสี่ยงได้ จนโอกาสชนะเป็น 100%
พฤติกรรมของผมจะว่าไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาไล่ลาหาจุดกำเนิดของรุ้งกินน้ำมากนัก (เพราะรุ้งกินน้ำมันไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงภาพลวงตาของคนเท่านั้น) ผมพยายามไล่ล่าหาทุกทางที่จะมาอุดความเสี่ยงนั้นให้ได้ แต่ยิ่งเอาเครื่องมือมาใส่ในระบบเทรดมากขึ้น กลับกลายเป็นว่าดันทำให้ผลการทดสอบระบบแย่ลงซะนี่
พี่หยง ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ เซียนหุ้นรุ่นใหม่ได้เคยพูดไว้ในงานสัมมนาหลายๆ ครั้งว่า "คนรุ่นอายุ 18-23 ปี จะเป็นรุ่นที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงดิ้นรนมากเป็นพิเศษ เขามักเชื่อกระทั่งว่าการซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุด และขายที่จุดสูงสุดนั้นเป็นไปได้" ถึงแม้ผมจะไม่ได้หวังซื้อ Low ขาย High เหมือนที่พี่หยงยกตัวอย่าง แต่ความดิ้นรนของผมมันก็ค่อนข้างตรงกับคำพูดนี้มากทีเดียว พยายามดิ้นรนในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
และเพราะคำพูดนี้เองเลยทำให้ผมเข้าใจความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม "โชคชะตา" ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุน ไม่มีทางที่ระบบเทรดใดๆ จะสามารถทำเงินได้ 100% และต่อให้เราซื้อหุ้นที่มันจะไปต่อได้ เราก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าราคาจะวิ่งไป 10% หรือ 1,000%
ถ้าหุ้นเป็นอะไรที่ไม่เสี่ยงเลย มันคงจะสูญเสียรสชาติของการลงทุนไปแน่ๆ จริงไหมครับ ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น